กอดป่า ห่มหมอก จูบสายฝน-ตะลุยเขาใหญ่ในยุคโควิด19 ตอน 2 ต่อจากคราวที่แล้ว หลังจากที่ช่วยกันกางเต็นท์กับเพื่อนอย่างทะลักทุเล ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆฝนดำทะมึนที่เราพยายามหลอกตัวเองมาตลอดว่ามันเป็นท้องฟ้าที่สดใสก็เริ่มมืดลง อากาศเย็นลงตามสภาพแวดล้อมแต่ไม่ถึงกับหนาวเหมือนป่าเขาบางที่ เย็นสบายพอให้ขนลุกเล่น ไม่นานเจ้าบ้านผู้น่ารักอย่างเม่นป่าก็เดินออกหากิน เดินผ่านหน้าเต็นท์เราไปสองสามตัวเลยล่ะค่ะ แต่เก็บภาพไว้ไม่ทัน ตัวใหญ่มาก ใหญ่เกือบเท่าเจ้าหมาอ้วนที่ชอบนอนตามหน้าเซเว่นเลยล่ะค่ะ หนามที่ตัวมันก็แหลมและยาวมาก นึกภาพมันยิงหนามใส่ศัตรูแล้วเสียวสันหลัง ฮ่า ๆ เช้าวันใหม่ แสงอุ่นยังไม่ทันโผล่พ้นเงาไม้ เสียงสัตว์ป่าก็เริ่มบรรเลง ทั้งลิง ชะนี นก เพื่อนที่มาด้วยกันเล่าด้วยสีหน้าอ่อนเพลียว่าเมื่อคืนตื่นทุกชั่วโมงเลย กวางมันเปิดซิบเจ้ามาขโมยของ มันขโมยหมวกกันน็อคออกไป ต้องตามไปเอากลับมา มันมาด้อม ๆ มอง ๆ นึกว่าผู้ชายที่ไหน เราก็คิดในใจ ก็ชายหนุ่มแห่งป่าดงพญาเย็นไง ฮ่า ๆ หมอกเช้านี่กลิ่นมันหอมสดชื่นจริง ๆ เลยนะคะ ยิ่งเวลาลมพัดมาเบา ๆ กลิ่นป่ามันหอม หอมกว่าน้ำหอมขึ้นห้างราคาแพงเสียอีกค่ะ เรากับเพื่อนรีบอาบน้ำแต่งตัว แม้น้ำจะเย็น(เพราะเป็นน้ำจากธรรมขาติ)สักแค่ไหนเราก็บ่ยั่น ร้านค้าสวัสดิการพร้อมให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นต้นไป เป็นอาหารตามสั่งและขายของชำทั่วไป ข้าวที่นี่ราคาเริ่มต้นที่เมนูละ 50 บาท ขนมนมเนยราคาสูงกว่าแถวบ้านนิดหน่อย เวลานั่งกินข้าวที่ร้านก็มีการเว้นระยะห่างตามมาตรการป้องกันโควิด และถ้าจะให้ดีต้องมองซ้ายมองขวา กอดกระเป๋ากอดขนมของพวกคุณให้มั่น ตามมาตรการป้องกันลิงป่าที่ถ้าคุณเผลอเมื่อไหร่ เจ้าลิงก็พร้อมจะพาฝูงของมันมาขอปันอาหารของคุณไปหม่ำโดยไม่รู้ตัว ภารกิจแรกของเราคือการเดินป่า เราเลือกเส้นทางเดินป่าเส้นทางที่ 8 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกเหวสุวัต ความยาวตลอดเส้นทางประมาณ 8 กิโลเมตร(ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย) แต่เราคงเดินได้ไม่สุดสายหรอกค่ะ เจ้าหน้าที่พาเราเดินเข้าไปตามเส้นทางเกือบ 1 กิโลเมตร จากนั้นก็พาออกนอกเส้นทางเข้าไปในป่าลึกอีกเกือบ 1 กิโลเมตร เพื่อเก็บตัวอย่างดินที่เราต้องการ จะเรียกว่าสิทธิพิเศษก็กระดากปากค่ะ แต่การได้เดินออกนอกเส้นทางแบบนี้มันได้พบเจออะไรที่พิเศษมาก ๆ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือถุงเท้ากันทากค่ะ ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอุทยานฯมีขาย คู่ละ 70 บาท สีขาวจะได้สังเกตเห็นเพื่อนตัวจิ๋วที่จ้องจะดูดเลือดเราอย่าง 'ทาก' ได้ทันท่วงที ยัดชายเสื้อเข้าในกางเกง กางเกงต้องขายาว เสื้อแขนยาวกันหนามเกี่ยว โดยเฉพาะหนามหัน หนามที่ถ้าเกี่ยวแล้วเราไม่หันกลับไปแกะมันก็ไม่มีทางปล่อยเราไป มีหมวกด้วยจะดีมากค่ะ กันอะไรหล่นใส่หัวหรือกิ่งไม้เกี่ยว ประตูสู่สิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าป่า จุดนี้จะเป็นสะพานแขวน เดินเข้าเขตป่าดิบชื้นเข้าไปไม่กี่ก้าวทากก็เริ่มตามเราแล้วค่ะ การฉีดสเปรย์กันยุงที่ถุงเท้ากันทากช่วยกันทากได้ระดับนึง แต่ไม่แนะนำเท่าไหร่ค่ะเพราะจะทำให้ทากตาย ทากเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า เหมือนพวกไลเคนที่เป็นดัชนีชีวัดคุณภาพอากาศ เดินลึกไปสักพักก็เจอเจ้าลูกเขียว ๆ นี่ร่วงเต็มพื้น ไม่แน่ใจว่าลูกอะไร คล้ายวอลนัท เฮเซลนัท อะไรทำนองนั้น เมล็ดสีแดง ๆ นี่คือเมล็ดของจำปีป่า ร่วงเต็มพื้นอีกเช่นกันค่ะ เดินดูเมล็ดจำปีป่าตามพื้นเพลินไปสักหน่อย คราวนี้มาเป็นฝักเลยค่ะ ร่วงลงมาจากฟ้าด้วยความไวแสง ตุบ! หลบแทบไม่ทัน เจ้าลิงหรืออาจจะเป็นชะนีโยนลงมาให้ ถ้าหลบไม่ทันคงจะมีคนสลบอยู่ตรงนั้นแน่ ๆ พี่ดุสิต เจ้าหน้าที่ผู้นำทางของเราในเช้านี้ พี่เค้าใจดีมาก ๆ ค่ะ อธิบายทุกอย่างตอบทุกคำถามที่เราสงสัย อันนั้นกินได้ อันนี้กินได้ครั้งเดียว อันนู้นคือต้นอะไร อันนี้รอยอะไร เห็นพวกเราเหนื่อยก็พาหยุดพัก เห็นของหนักก็ช่วยถือ ประทับใจมาก ๆ ค่ะ เราเห็นรอยตีนกวางแล้วเข้าใจว่ารอยหมูป่าพี่เค้าก็อธิบายให้ ^^ เข้าใจว่าขนไก่ฟ้าหลังเทาเป็นขนนกเงือกก็ช่วยบอกความต่าง ขนนกเงือกจะขาวที่ปลาย แต่ไก่ฟ้าหลังเทาจะดำสลับขาว เจอกระท้อนป่าด้วยค่ะ ลูกเล็กกว่าที่เรากินกันมาก พี่ดุสิตบอกว่ามีรสเปรี้ยวกว่า สดชื่นกว่า ว่าแล้วพี่เค้าก็เอามีดพกออกมาผ่ากินให้ดู เดินออกนอกเส้นทางไปไกลแล้วก็ถึงเวลากลับ พี่ดุสิตพาเดินย้อนมาเก็บตัวอย่างดินจุดสุดท้ายที่ป่าพรุ และยังบอกอีกว่าเป็นป่าที่พิเศษมาก เพราะเป็นป่าพรุที่อยู่ในป่าดิบชื้น เป็นความพิศวงของธรรมชาติ เดินแวะมาน้ำตกกองแก้วที่เราได้ยินเสียงน้ำมาแต่ไกล เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ที่น้ำเป็นสีน้ำตาลเพราะฝนพึ่งตกไปเมื่อวาน ชื่อกองแก้ว กอง นี่มาจากกองทัพ พี่ดุสิตบอกอย่างนั้น เหนื่อยค่ะ ออกจากป่ามาเหงื่อท่วมตัว แต่สนุกมาก ๆ ได้เห็นอะไรที่ในเมืองใหญ่ไม่มีให้เห็น เห็นนกแก๊กด้วยค่ะแต่อยู่ไกลเกินความสามารถของกล้องมือถือที่จะถ่ายได้ เห็นเห็ดแปลก ๆ แมงมุมแปลก ๆ ต้นไม้แปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้เก็บภาพไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ถ้าคุณ ๆ ทั้งหลายได้ลองไปเดินป่าและลองตั้งใจ ลองใส่ใจกับธรรมชาติให้มากกว่าการถ่ายรูปเก๋ ๆ ความงามเหล่านั้นจะบันทึกอยู่ในความทรงจำได้ชัดเจนที่สุดเลยค่ะ Photo by me ภาพถ่ายโดยผู้เขียน