เมื่อหลายปีก่อนมีการจัดงานคาวบอย-อินเดียนที่เขาใหญ่ ผู้เขียนจองบูธไว้สำหรับขายของ งานมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคมถึง 1 มกราคม ในงานมีพ่อค้าแม่ค้ามาออกร้านมากมายทุกคืนจะมีคอนเสิร์ตจากวงต่างๆ มาเล่นสลับกันไป ผู้เขียนเดินทางโดยขี่รถช็อปเปอร์หน้ายาวคู่ใจ ส่วนข้าวของที่จะนำไปขายนั้นมีคนนำไปจัดร้านก่อนล่วงหน้าแล้ว เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ ในวันที่ 30 ธันวาคม ขี่มาคนเดียวจนถึงสระบุรีเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน มาถึงปั้มน้ำมันมีพี่สาวกับพี่ชายสองคนจอดรถรออยู่ “ได้ข่าวว่าจะไปเดียวเดี๋ยวพี่จะขี่ไปส่ง” คำว่าไปส่งของไบค์เกอร์ไม่ใช่ขี่แล้วให้เราซ้อนแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าเราต้องขี่คนละคันนั่นเอง บนท้องถนนตอนนี้ขวักไขว่ไปด้วยรถราที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน ฝันสูงสุดของผู้คนที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวง ก็คงจะเป็นช่วงวันหยุดยาว ที่จะได้กลับบ้านไปพบปะพ่อแม่พี่น้องสินะ ผู้เขียนมองคนเหล่านั้นด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ด้วยความที่เราก็เป็นคนอีสานเช่นเดียวกับพวกเขา แต่ในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้เรายังต้องทำงานไม่ได้หยุดพักเลยสักวัน การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะบนถนนมีรถแน่นจนยากที่จะแทรกตัวให้พ้นไปแบบเร็วๆ ได้ จึงทำได้แค่ค่อยๆ ขยับไปตามช่องว่างระหว่างรถทั้งสองเลนด้วยความระมัดระวัง พอไปถึงปากช่องเราเลี้ยวเข้าสู่ถนนธนรัตน์ มาถึงตรงนี้ถนนก็โล่งพอมีที่ว่างให้ได้บิดคันเร่งอวดความแรงของเจ้าช็อปเปอร์คู่ใจ เราไปถึงสถานที่จัดงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด แยกย้ายกันเตรียมจัดแจงกางเต็นท์สำหรับนอนคืนนี้ พรุ่งนี้ก็เป็นคืนเคาท์ดาวน์แล้ว ผู้คนทยอยมากางเต็นท์รอตั้งแต่คืนนี้ มีทั้งคนที่มาเที่ยว และคนที่มาออกร้านขายของ บรรยากาศคืนนี้คึกคักพอสมควร การซื้อขายก็ถือว่าครึกครื้นไม่เงียบเหงา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นพรรคพวก เป็นเพื่อนๆ ที่ชอบในแนวเดียวกัน นอกจากมีคอนเสิร์ตจากนักดนตรีที่หมุนเวียนกันมาทุกคืนแล้ว กิจกรรมในงานมีอีกหลายอย่าง มีการแสดงฟาดแส้ ควงปืนของคาวบอย และการแสดงการต่อสู้ ระหว่างคาวบอยและอินเดียนอีกด้วย เมื่อคืนเคาท์ดาวน์มาถึงพิธีกรบนเวที ประกาศให้สัญญาณนับถอยหลังพร้อมๆ กัน 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ในงานไม่มีการจุดพลุ เพราะกลัวจะรบกวนสัตว์ป่า ทุกคนต่างสวมกอดคนรัก คนใกล้ตัว กอดเพื่อน กอดพี่ๆ น้องๆ ที่มาในงาน และอวยพรให้แก่กัน หลังจากนั้นทุกคนในงานจะร่วมกันจุดโคมลอย เพื่อเป็นการลอยความทุกข์ความโศกลอยสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากตัว พอจบคืนเคาท์ดาวน์เช้าของอีกวัน ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ ส่วนผู้เขียนยังคงต้องอยู่อีก 2 วันเพื่อเก็บร้านเก็บสถานที่หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อเริ่มต้นวันทำงานในปีพ.ศ.ใหม่ต่อไป ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้มีโอกาศไปงานเคาท์ดาวน์ จึงนำมาเล่าให้ผู้อ่านฟัง ถือเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ให้หวนกลับมาอีกครั้ง สำหรับปีนี้สถานที่ตรงนี้ไม่มีการจัดงานคาวบอยแล้ว เพราะทีมงานได้ย้ายไปจัดที่พิษณุโลกแทน แต่มีอีกทีมงานหนึ่งจะจัดงานที่เขาใหญ่ทุกปี ส่วนสถานที่จัดงานนั้นอยู่ทางขึ้นเขาใหญ่ฝั่งซ้ายมือ แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจสถานที่ตั้งของงานอย่างแน่ชัด ท่านใดที่จะเดินทางไปเคาท์ดาวน์ในงานคาวบอยปีนี้อาจต้องเช็คอีกที เพราะบางทีจัดกันถึง 3-4งาน ภาพโดยคนเก็บฝัน