สวัสดีครับทุกคน วันนี้อติจะมาเล่าถึงงานวิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการลงวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอนครั้งที่ 2 แต่เป็นระยะทาง 21 กม. แรก เพราะระยะฮาล์ฟแรกที่ลง เป็นระยะซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน 25 กม. ที่พิษณุโลกนั่นเอง งานนี้จึงเป็นงานวิ่งในระยะทาง 21 กม. แรกจริง ๆ ครับ งานวิ่งนี้เป็นงานวิ่ง World Heritage ที่มีทั้งหมด 4 สนามด้วยกัน คือ สุโขทัย มาราธอน อยุธยา มาราธอน บ้านเชียง มาราธอน และเขาใหญ่ฮาล์ฟมาราธอน เป็นรายการของยูนิค รันนิ่ง จะเห็นว่า ทุกสนามยกเว้นสนามเขาใหญ่ มีระยะทางวิ่งให้เลือกถึง 42 กม. มีเพียงสนามเขาใหญ่ที่มีให้เลือกลงถึงแค่ 21 กม. เท่านั้น และการลงรายการวิ่งใด ๆ ก็ตามที่ระยะทาง 21 และ 42 กม. เมื่อเข้าเส้นชัยตามเวลาที่กำหนด (ก่อนเวลา Cut Off) นอกจากจะได้รับเหรียญรางวัลแล้ว ก็ยังมีเสื้อ Finisher อีก 1 ตัวที่จะได้ ซึ่งนักวิ่งทุกคนรวมถึงตัวผมเอง อยากได้ทั้งนั้น แต่งานนี้.. ใครอยากได้เสื้อ Finisher ต้องวิ่งให้ครบทั้ง 4 สนามจ้า ก็..อดไปตามระเบียบ ต้องบอกก่อนว่า งานนี้ผมไม่ได้ลงสมัครนะครับ แต่ได้มาวิ่งเพราะว่า เป็นความโชคดีของผมที่เข้าไปเจอเพจของ WIKO แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่เป็นสปอนเซอร์ของงานนี้ด้วย เขามีเกมให้เล่น ให้โพสก์บอกว่าอยากลงระยะวิ่งใด และเพราะเหตุผลใด ทางเพจจะสุ่มคัดเลือกผู้โชคดี และได้รับรางวัลเป็นแพ็คคู่ คือได้ตั๋ว 2 ใบ แล้วให้ชวนเพื่อนมาวิ่งในระยะเดียวกันด้วย ซึ่งผมก็เป็นผู็โชคดีที่ได้รับรางวัล ก็เลยได้มางานนี้ แต่คนที่ผมชวนมาวิ่งด้วยนี่สิ มันเทผม.. ผมก็เลยไปชวนน้องอีกคนมาวิ่งแทน งานนี้ มีดาราสาว คิมเบอร์รี่ มาวิ่งด้วยครับ เนื่องจากน้องคิม เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์โทรศัพท์นี้นี่เอง และคนที่โชคดีได้รับรางวัล เขาให้ใส่เสื้อของ WIKO มาวิ่งด้วยครับ งานนี้ผมเลยได้เสื้อมา 2 ตัว คือเสื้อของงานวิ่งนี้ สีขาว กับเสื้อ WIKO สีเขียวน้ำทะเล กระเป๋าใส่รองเท้าอย่างดี แต่ผมได้มา 2 รางวัล ก็จะมีเสื้อ 4 ตัว บิบ 2 ใบ กระเป๋ารองเท้า 2 ใบ ส่วนน้องที่ผมชวนมาวิ่งเขามาสมัครเองที่หน้างานครับ เพราะตอนนั้น คนที่ผมชวนมันยังไม่เทผม แต่มันมาเทตอนวันไปวิ่งนี่แหละ เหอๆๆ มองเห็นผมมั้ยครับ ผมอยู่ขวาสุดในรูป ส่วนน้องคิมอยู่ตรงกลางเลยครับ ตัวจริงน่ารักมาก ๆ ครับ การวิ่งในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 กับระยะฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งห่างจากงานที่พิษณุโลกประมาณเดือนกว่า อาการปวดขาจากตระคริวเริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งผมก็หวังว่าการวิ่งในวั้นนั้นจะไม่มีอาการปวดขาหรืออาการบาดเจ็บมารบกวน หลังจากปล่อยตัวไปแล้ว ผมก็ค่อย ๆ วิ่งไปเรื่อย ๆ โดยวิ่งให้รู้สึกสบายที่สุด ไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไปครับ ผมจะใช้แอพฯ Strava ในโทรศัพท์เป็นตัวเช็คระยะทาง ซึ่งผมจะใช้ประจำ ในการแจ้งเตือนเมื่อครบระยะทุก ๆ กิโล ผมก็จะแปลกใจเล็กน้อย เพราะเพซเฉลี่ยที่แอพฯ มันแจ้งนั้น มันดีกว่าตอนซ้อมเยอะ และมันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยในขณะวิ่งเลย แสดงว่าร่างกายเรามันแข็งแรงขึ้นและวิ่งได้ดีขึ้นนั่นเอง ตลอดเส้นทาง ช่างภาพเยอะมาก อากาศบริเวณตีนเขาก็ดีมาก วิ่งท่ามกลางธรรมชาติ มันดีมากเลยล่ะครับ ช่วงที่ใกล้ถึงเส้นชัย เพซเฉลี่ยและเวลาที่ฟังจากแอพฯ Strava นั้น บอกเลยว่ามันเกินคาดครับ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะวิ่งได้ในระยะเวลาแบบนี้ และเมื่อเข้าเส้นชัย 21 กม. แรก ในงานวิ่งของผม สามารถทำ New PB ได้ และยังเป็น Sub2 (ใช้เวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง) อีกด้วย ซึ่งต้องบอกว่ามันเกินคาดจริง ๆ ครับ นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมสามารถทำได้ โดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรก่อนลงวิ่งเลยครับ แค่ขอให้ไม่ปวดขาจากอาการเดิมแค่นั้นครับ แต่กลับทำเวลาได้ดีเกินคาด ยังมีงานวิ่งอีกหลายงานที่ผมประทับใจ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ อติ เครดิตภาพถ่าย โดยผู้เขียนเองทั้งหมด