คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับยุคทองในสมัยอยุธยาไหม คุณว่ายุคไหนที่มีคนจดจำมากที่สุด คุณคิดออกไหม หากคุณคิดไม่ออกลองฟังชื่อของ พระมหากษัตริย์องค์นี้ดู สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้เขียนเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักท่าน เพราะยุคที่ท่านปกครองบ้านเมืองนั้นเป็นยุคทองและรุ่งเรืองที่สุด ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อเสียงของท่านเป็นที่เลื่องลือจนมาถึงปัจจุบัน แต่คุณรู้ไหม ไม่ใช่แค่อยุธยาที่ท่านปกครอง แต่ยังมีเมืองแห่งที่สองของท่าน ที่ท่านทรงไปพักและประทับอยู่ในช่วงระยะเวลาหลังมากที่สุด คุณคงอยากรู้แล้วสิว่าคือที่ไหน ถ้าอยากรู้แล้วไปกันเลยค่ะ วังนารายณ์ราชนิเวศ จังหวังลพบุรี ใช่ค่ะคุณได้ยินไม่ผิด จังหวัดลพบุรีนี้แหละคือเมืองแห่งที่สองของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จริงๆคุณรู้หรือปล่าวว่า ก่อนจะมีการสร้างวังนารายณ์ราชนิเวศนั้น จังหวัดลพบุรีเป็นรอยต่อของขอมและอยุธยา มีความสำคัญมาตั้งแต่ก่อนยุคของพระนารายณ์แล้ว ที่สำคัญเมืองแห่งนี้ไม่เคยร้างผู้คน มีผู้คนอาศัยอยู่มาตลอด มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายเกี่ยวกับการพบโครงกระดูกของมนุษย์ในสมัยโบราณ เชื่อกันว่าที่นี้เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรทวารวดี ชื่อละโว้ หรือ ละวะปุระ มีหลักฐานทางโบราณสถานที่สำคัญว่าเคยเป็นรอยต่อของอาณาจักร 2 อาณาจักร คือเดิมเป็นทวารวดีแต่ขอมมาสร้างทับไว้ คือองค์พระปรางค์สามยอด และข้างๆกันยังมีปรางค์แขก ที่ถือเป็นปรางค์เก่าแก่ แล้วทำไมสุดท้ายถึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยาละ นั้นก็เพราะว่ามีการรวมตัวกันของกลุ่มคนในท้องถิ่น คือกลุ่มละโว้ จนก่อให้เกิดการสถาปนา อโยธยาขึ้น พูดโดยสรุปคือ มีเมืองละโว้ก่อนที่จะมีกรุงศรีอยุธยาค่ะ กลุ่มคนส่วนหนึ่งไปตั้งเมืองหลวงที่อยุธยา แต่ที่ละโว้ก็ยังคงมีผู้คนอาศัยอยู่เช่นเดิม ทำให้มีหลักฐานบางแห่งสันธิฐานว่า สมเด็จพระเจ้าอู่ทองอาจจะมาจากละโว้หรือลพบุรีก็เป็นได้ค่ะ ตอนนี้เรามาเข้าสู่เรื่องของวังนารายณ์ราชนิเวศกันนะค่ะ ชื่อนารายณ์ราชนิเวศ รัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามให้ ทุนท่านคงสงสัยว่าทำไมพระนารายณ์ถึงทรงชอบมาที่ลพบุรี คุณรู้ไหมค่ะว่าพระนารายณ์ทรงประทับอยู่ที่ลพบุรีนานกว่าอยุธยา ซึ่งเชื่อกันว่าอาจมาจาก 2 สาเหตุที่สำคัญ คือ 1. พระองค์ทรงชอบล่าสัตว์ ประกอบกับจังหวัดลพบุรีนั้นมีป่าที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับความต้องการของพระองค์ กับ 2. ความมั่นคงของราชบังลังค์ เป็นที่รู้กันดีว่าอยุธยามีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินค่อนข้างบ่อย ดังนั้นการที่พระองค์เสด็จมาประทับที่นี้จะทำให้หลีกเลี่ยงการถูกทำร้าย ดังนั้นจึงมีการสั่งให้สร้างวังนารายณ์ราชนิเวศขึ้น หากท่านเข้าไปชมไม่ต้องกลัวว่าท่านจะไม่เข้าใจเรื่องราวความเป็นมาค่ะ ที่นี้มีมัคคุเทศก์คอยให้ความรู้และนำท่านชมในเขตของพระราชวังในส่วนที่สำคัญต่างๆ หากท่านต้องการสามารถติดต่อทางสถานที่ได้ค่ะ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าในทริปนี้ทางผู้เขียนเลือกที่จะให้ทางสถานที่จัดมัคคุเทศก์นำชมให้เนื่องจากอยากรู้เรื่องราวในการก่อสร้างของพระราชวังค่ะ ที่นี้มีการเก็บค่าเข้าอยู่ที่ 30 บาทในกรณีที่เป็นคนไทย 150 บาทสำหรับชาวต่างชาติค่ะ ก่อนอื่นเรามารู้ส่วนต่างๆของวังกันก่อนนะค่ะ ลักษณะการก่อสร้างถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนค่ะ คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นในค่ะ เมื่อเดินเข้าไปตึกแรกที่ท่านจะพบคือ ตึกสิบสองท้องพระคลัง ซึ่งใช้สำหรับใสผ้าต่างๆ การออกแบบตึกเป็นรูปแบบเปอร์เซียดูได้จากการทำช่องหน้าต่างค่ะ รวมถึงยังมีอาคารเรือนรับรองสำหรับแขกบ้านแขกเมืองเมื่อมาพบท่านก็จะมารออยู่ในตึกนี้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีตึกที่สำคัญอีกแห่งคือตึกที่เรียก ตึกพระเจ้าเหา สันธิฐานว่าเดิมอาจมีพระพุทธรูปอยู่ เพราะพบฐานที่ตั้งของพระพุทธรูป และมีการสันธิฐานว่าที่นี้อาจเป็นที่ที่ใช้ประชุมเรื่องการโคนอำนาจของพระนารายณ์ ซึ่งมีพระเพทราชาและขุนหลวงสรศักดิ์ใช้ในการประชุม ทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้เนื่องด้วยสมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดเรื่องการล่าสัตว์จึงมีเพนียดคล้องช้างอยู่บริเวณใกล้ๆกันอีกด้วย และส่วนที่สำคัญอีกส่วนคือพระราชฐานชั้นในที่ใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนจากอิตาลี มีพระที่นั่งสำคัญที่เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์ประทับอยู่ที่นี้แล้วทรงประชวรจึงพักรักษาตัวที่พระที่นั่งสุธาสวรรค์ วังนารายณ์ราชนิเวศจึงถือมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ที่ยังคงมีการถูกรักษาไว้ให้คงสภาพดีที่สุด หากท่านมีโอกาสได้ออกเดินทางอย่าลืมที่จะแวะไปชมความยิ่งใหญ่ของวังนารายณ์ราชนิเวศแห่งนี้กันนะค่ะ ที่สำคัญมีของสำคัญไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้หรือของที่ขุดพบในบริเวณราชวังได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์นารายณ์บริเวณด้านหลังวัง หวังว่าทุกท่านคงจะออกไปพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ด้วยตาของตัวเองกันนะค่ะ เพราะประวัติศาสตร์ยังมีเรื่องที่เราต้องเรียนรู้อีกมาก. เครดิตภาพปกและภาพถ่าย:โดยผู้เขียนเองทั้งหมด