อื่นๆ

วิญญาณตายโหง : จากเรื่องจริง ปี 2540

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
วิญญาณตายโหง : จากเรื่องจริง ปี 2540

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 เป็นเรื่องเล่าภายในครอบครัวของฉัน ที่ได้สูญเสียน้าชาย อันเป็นที่รักของครอบครัว แม่ของฉันเล่าให้ฟังว่า ในช่วงสายของวันนั้น น้าชายขี่มอเตอร์ไซค์มาหาแม่ของฉันที่บ้าน มานั่งเล่นพูดคุยตามประสาพี่น้องปกติ จนถึงตอนบ่ายโมง แม่กำลังยุ่งกับการซักผ้าอยู่หลังบ้าน น้าชายจึงขอตัวกลับบ้าน ตะโกนบอกแม่ว่า “พี่ เดี๋ยวผมไปแล้วนะ”

สิ้นเสียงบอกลาวันนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายของน้าชาย

Cr. ภาพประกอบจาก Googleน้าชายอายุได้เพียงแค่ 28 ปี ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนกับรถยนต์ที่สี่แยก ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า น้าของฉันขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยความเร็วสูง และบวกกับรถยนต์ที่ขับมาตัดหน้าพอดี ทำให้รถชนเข้าอย่างจัง ชาวบ้านที่รู้จักกันเห็นเหตุการณ์ รีบโทรบอกแม่ของฉัน แม่จึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านอย่างรีบร้อน ในตอนนั้นโรงพยาบาลห่างจากหมู่บ้านประมาณ 10 กว่ากิโล มีชาวบ้านใจดีเอารถยนต์อาสาจะนำน้าชายไปส่งที่โรงพยาบาล แม่จึงขึ้นไปกับรถคันนั้นด้วย แม่เล่าต่อว่า นำน้าชายขึ้นรถอย่างระมัดระวังที่สุด เรียกชื่อน้าตลอดเวลาเพื่อที่จะไม่ให้หลับ สภาพร่างกายตอนนั้น อเนจอนาถมาก ขาหักเป็น 2 ท่อน หน้าตาและลำตัวมีรอยถากกับถนนไปหมด แต่น้าชายยังคงหายใจอยู่ในตอนนั้น น้าชายพยายามที่จะลืมตาแต่ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้

Advertisement

Advertisement

ถึงโรงพยาบาล ก็มีรถเข็นมารับ พยาบาลใส่อ๊อกซิเจนและเข็นเข้าอาคารโดยด่วน น้าชายมองตาพี่สาวตัวเองเหมือนอย่างน่าเห็นใจ เหมือนกับว่าน้าชายจะทนบาดแผลไม่ไหวแล้ว จากนั้นหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจในตอนนั้นทันที พยาบาลพยายามปั๊บหัวใจอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ทันได้รักษาอะไร น้าชายก็หมดลมหายใจไปก่อนแล้ว

พิธีทำศพจัดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ชาวบ้านมาช่วยกันจัดงาน ทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาฟังณาปนกิจ ตามประสาคนคุ้นเคยกัน ศพไว้ที่วัด 3 วัน ในคืนก่อนวันเผามีแม่ครัวที่มาช่วยทำอาหารที่วัด ซึ่งมีอยู่ 2-3 คน และญาติ ๆ มานอนหน้าโรงศพที่วัดด้วย คอยจุดธูปไม่ให้ดับ ในคืนนั้นช่วงตี 3 หมาวัดหอนประสานเสียงกัน ทำให้ญาติคนนึงตื่น เขาชื่อลุงชัย ลุงชัยมางานศพในวันที่ 2 หลังจากที่ทราบข่าว ลุงชัยลุกไปเข้าห้องน้ำด้านหลังของศาลา เห็นชายใส่เสื้อสีขาวคอกลม กางเกงยีนขาสั้น เดินอยู่ใกล้ ๆ ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังศาลาวัด เขาคิดแค่ว่า คงมีคนเดินมาฉี่ที่ต้นไม้นั้นก็ได้ จึงไม่ได้คิดอะไร เดินเข้าห้องน้ำแล้วเดินไปนอนต่อ

Advertisement

Advertisement

Cr. ภาพประกอบจาก Googleรุ่งเช้าก็เตรียมจัดทำพิธี และเผาในช่วงบ่าย วันนั้นพิธีเป็นไปได้ด้วยดี ก่อนที่จะนำร่างของน้าชายเผา สัปเหร่อได้เปิดโรงศพ แม่ของฉันเตรียมข้าวปลาอาหารห่อน้อย ๆ ใส่ไปในโลงก่อนเผา เพราะเชื่อกันว่า เอาไว้ให้คนตายกินหลังจากที่ลาโลกนี้ไปแล้ว และบรรดาญาติ ก็เข้ามาดูหน้าของน้าชายเป็นครั้งสุดท้าย ลุงชัยที่เป็นญาติ สีหน้าตกใจ เพราะชุดที่น้าชายใส่เป็นชุดเดียวกันกับชายที่ยืนอยู่ข้างต้นไม้ข้างศาลาอยู่เมื่อคืนนี้ ลุงชัยเล่าให้ญาติ ๆ ฟังหลังจากทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ในคืนนั้นหลังเสร็จพิธีเผาแล้ว แม่ของฉันกลับมานอนที่บ้าน ในช่วงที่กำลังหลับยังไม่สนิท แม่ได้ยินเสียงหมาหอนจากหลังบ้าน และได้ยินเหมือนเสียงลูกบิดประตูดัง "แก็ก" ถ้ามีคนแปลกหน้าหรือขโมย หมามันน่าจะเห่ามากกว่า เมื่อสิ้นสุดเสียงดังของลูกบิดประตู ก็มีกินเหม็นโชยเข้ามาในห้องนอน ในตอนนั้น ห้องนอนของแม่เป็นที่นอนฟูก ไม่มีเตียง และมีมุ้งสีขาวกลาง 4 มุม แม่ของฉันเล่าว่าตอนนั้น ความรู้สึกเหมือนกับกึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นผู้ชายใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขาสั้น รูปร่างสูงโปร่งเหมือนกับน้าชาย ค่อย ๆ ลอยเข้ามาใกล้ ๆ และหยุดที่ปลายเท้าข้างนอกมุ้ง เห็นใบหน้าชัดเจน น้าชายยืนอยู่นอกมุ้งสีขาวนั้น พร้อมกับทำปากเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ด้วยความผูกพัน แม่ไม่ได้กลัวน้าชายแม้แต่น้อย จึงตะโกนถามว่า " ไอ้ชาย ! ข้าวที่กูใส่ไปในโลงก่อนเผามึง มึงได้กินไหม" น้าชายก็ยืนอยู่ที่เดิม พยายามทำปากเหมือนพูดอะไรซักอย่างซึ่งไม่มีเสียงแม้แต่น้อย แม่ก็ถามซ้ำ ๆ ว่าข้าวที่ให้ไปได้กินหรือเปล่า ด้วยความผูกพันและเป็นห่วงน้าชาย รุ่งเช้าขึ้นมาแม่จึงไปตักบาตรทำบุญทิศส่วนกุศลให้ เวลาผ่านไปอีกอาทิตย์ ชาวบ้านก็เล่าต่อ ๆ กันให้แซดในหมู่บ้านว่า ขับรถผ่านตรงที่เกิดอุบัติเหตุนั้น เห็นผู้ชายเดินคนเดียว ยืนโบกรถตอนดึก ๆ เจอกันหลายคน จึงมาถามไถ่แม่ว่า ทำบุญไปให้บ้างหรือเปล่า เหมือนน้าชายยังคงไม่ไปไหน และในคืนวันนึง น้าชายไม่ได้มาแบบน่ากลัวเหมือนก่อน  มาเข้าฝันแม่ด้วยหน้าตาที่ปกติ แต่น้ำเสียงเศร้าๆ มาบอกว่า กลับบ้านไม่ได้ ไม่อยากอยู่ตรงนั้น ผมยังไม่อยากตาย อยากกลับบ้าน พร้อมกับร้องไห้ในฝัน

Advertisement

Advertisement

Cr. ภาพประกอบจาก Googleพอตื่นเช้า แม่นึกขึ้นได้ว่า ไม่ได้เชิญวิญญาณจากสถานที่เกิดเหตุให้น้าชายกลับไปบ้าน คงเป็นเรื่องนี้ ที่ทำให้น้าชายยังคงวนเวียนอยู่ในสถานที่เดิม ๆ และพยายามที่จะบอกแม่ตั้งแต่วันแรกที่เผา จึงได้นิมนต์พระให้ไปเชิญวิญญาณน้าชายกลับบ้าน กลับบ้านของน้าชายเอง ที่อยู่ห่างจากบ้านแม่ของฉันประมาณ 5 กิโลเมตร

ชีวิตหลังความตาย ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเป็นยังไง แต่แน่นอน ว่าคนที่ไม่ได้ตายอย่างสงบ จากไปอย่างกะทันหัน มันคงจะเคว้งคว้าง พิธีบางอย่างตามศาสนา มันจะเป็นจริงตามที่โบราณเชื่อกันหรือไม่ เราไม่สามารถจะรู้ได้ แต่หากละเลยไปก็อาจจะทำให้วิญญาณอยู่ไม่สุขก็เป็นได้ จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นชายใส่เสื้อสีขาวคนนั้นอีกเลย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์