วันเดย์ทริป รถไฟลอยน้ำก็คือรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษเป็นทริปสั้นๆจบภายใน 1 วัน ไม่มีค้างคืน ไป-กลับ กับรถไฟ เปิดรอบนำเที่ยวแค่วันเสาร์ และอาทิตย์ ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน - มกราคมของทุกปี มีทั้งหมดแค่ประมาณ 20 รอบต่อปีเท่านั้น และในครั้งนี้ที่ฉันได้เลือกไปก็ คือ ทริปรถไฟลอยน้ำ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก่อนที่เราจะได้ไปเที่ยวกัน เราก็ต้องมีการหารายละเอียดและซื้อตั๋วกันก่อน โดยรายละเอียดต่างๆ และการซื้อตั๋วสามารถอ่านดูได้ที่เว็บนี้เลย http://www.railway.co.th หลังจากนั้นเราก็โทรสำรองที่นั่งที่ เบอร์ 1690 หรือใครสะดวกไปซื้อที่สถานีก็ได้ มีจำหน่ายทุกสถานีรถไฟทั่วประเทศ โดยต้องจองล่วงหน้า 5 วันขึ้นไป โดยราคาตั๋วจะอยู่ที่ 270 บาท สำหรับรถนั่งชั้น 3 ธรรมดา และ 470 บาท สำหรับรถนั่งชั้น 3 ปรับอากาศ (ราคานี้จุดขึ้นรถเริ่มที่สถานีกรุงเทพ) โดยในทริปนี้ของฉัน ฉันเลือกที่นั่ง 270 บาท เพราะอยากจะเห็นวิวชัด ๆ บวกกับอยากนั่งตากลมธรรมชาติ ถึงแม้จะมีขี้ฝุ่นไปหน่อยก็ตามอะนะ ฉันเริ่มมาขึ้นที่สถานีรถไฟหลักสี่ เพราะมันใกล้บ้านที่สุด แต่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่นั่งละ 3 บาท โดยในตั๋วบอกไว้ว่ารถไฟจะมาถึงสถานีหลักสี่ เวลา 07.10 น. ฉันได้ขึ้นรถไฟตอน 7 โมงกว่า ๆ ถือว่าเลทไปไม่นานเลย แนะนำให้มาถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 30 นาที ในระหว่างนั้นขบวนรถไฟก็จะแวะสถานีต่าง ๆ เพื่อรับผู้โดยสารท่านอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็จะมีพ่อค้าแม่ขาย ทยอยกันมาจำหน่ายทั้งเครื่องดื่ม ของคาวหวาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแบบทานง่าย ๆ อย่างเช่น ข้าวเหนียวไก่ย่าง หมูปิ้ง หมูทอด (อันนี้อร่อยมาก ๆ) ลูกชิ้นปิ้ง และของเด็ดประจำจังหวัด รวมไปถึงสินค้า OTOP ด้วย อย่างเช่น โรตีสายไหม ในขบวนรถไฟแต่ละตู้ก็จะมีผู้สารแตกต่างกันไปทั้ง หนุ่มสาว หรือไปแบบครอบครัว เด็กตัวเล็กตัวน้อยก็มากัน ในแต่ละที่นั่งจะนั่งได้ 4 คน แบ่งเป็น เบาะละ 2 คน ซึ่งกลุ่มฉันที่ไปกันมีกันแค่ 3 คน เพราะฉะนั้นก็จะมีคนอื่นมานั่งด้วย 1 คน แต่พอถึงเวลาเขาก็ไม่มานั่ง มานั่งแค่ตอนตรวจตั๋วพอตรวจเสร็จก็ลุกเดินออกไปที่อื่น ฉันและเพื่อนก็ไม่ได้ถามไถหรือมีบทสนทนากลับเขา ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย และโฟกัสกับธรรมชาติข้างทางซะมากกว่า เพราะบรรยากาศสองข้างทางรถไฟทำให้ฉันรู้สึกสดชื่น อากาศไม่ร้อนจนเกินไป มีลมพัดอยู่ตลอดเวลา นั่งกินข้าวเหนียวหมูทอดพร้อมกับชมวิวธรรมชาติข้างทางไปด้วย เป็นอะไรที่ดีสุด ๆ ไปเลย ที่เที่ยวแรกที่ขบวนรถไฟหยุดให้ลงไปถ่ายรูปชมวิวได้ก็ คือ จุดชมวิวรถไฟฟ้าลอยน้ำ โดยขบวนรถจะหยุดพักที่นี่ 30 นาที เพื่อให้เราลงไปชมวิว และถ่ายภาพ ภาพรถไฟที่อยู่บนสะพาน และด้านล่างไปท้องน้ำกว้างใหญ่ของเขื่อน นับเป็นภาพที่สวยงามแปลกตา และหาชมได้ยาก พอครบเวลา 30 นาที แล้วทางขบวนรถไฟก็จะย้อนกลับไปที่เขื่อนป่าสัก เพื่อให้ผู้สารได้พักทานข้าวและนั่งพักผ่อนย่อนใจ ในเขื่อนป่าสักจะมีร้านอาหารมากมายให้เลือกรับประทาน มีที่นั่งเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่ในช่วงเวลาบ่ายๆ อาจะร้อนไปนิดนึงสำหรับใครที่จะเดินดูเขื่อ เราจะมีเวลาท่องเที่ยวในจุดนี้ 3-4 ชั่วโมง มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งนั่งรถลากชมวิวสันเขื่อน (ผู้ใหญ่ 30 บาท / เด็ก 10บาท) ไปไหว้หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ที่บริเวณท้ายเขื่อน มีสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ รวมไปถึงหอคอยชมวิว แต่น่าเสียดายที่ช่วงที่ฉันไปหอคอยชมวิวปิดให้บริการ ขากลับฉันแนะนำให้เผื่อเวลาเดินไปขึ้นรถไฟสักหน่อย เพราะจุดจอดค่อนข้างไกล โดยรถไฟจะออกจากสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 15:30น. และย้อนกลับไปทางเดิม จอดทุก ๆ สถานีเดิม จนไปถึงที่จุดหมายปลายทางคือสถานีกรุงเทพ ประมาณ 1 ทุ่ม เป็นการปิดทริปที่สวยงามและสนุกสนานเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่อยากจะไปต่างจังหวัดและมีเวลาในการไปเที่ยวไม่มากนัก รวมถึงไม่อยากจะขับรถไปเองหรือนั่งรถตู้ รถทัวร์ นี่ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการเปิดประสบการณ์การนั่งรถไฟชมธรรมชาติ ได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทางรถไฟ แต่ถ้าใครได้ลองไปแล้วรับรองเลยว่าจะมีทริปรถไฟอื่นๆ ตามมาอีกแน่นอน