ลพบุรี หลายคนก็จะนึกถึง ลิง แต่ลพบุรีไม่ได้มีดีแค่ "ลิง" ทุ่งทานตะวันก็โด่งดังไม่แพ้กันนะ ตั้งแต่ระหว่างทาง ยาวจนถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ว่าด้วยข่าวนักเลง (ลิง) ยกพวกตีกันกำลังโด่งดัง ก็เลยถือโอกาสเกาะกระแสนิดหน่อย เอกลักษณ์ของฤดูร้อน ก็น่าจะเป็นดอกทานตะวันที่บานสะพรั่ง ฤดูร้อนที่ใคร ๆ ก็ต่างไม่ชอบ เรากลับชอบมันแฮะ เรารู้สึกมันให้พลังงานเยอะแยะมากมาย ต่างจากฤดูหนาวที่ดูดพลังงานไปหมด ถ้าเราเตรียมร่างกายให้แข็งแรง ไม่ว่าฤดูกาลไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ อย่างฤดูร้อนก็จะมีความสวยงามของทะเลให้เราได้ไปสัมผัส การดำน้ำลึก ดำน้ำตื้น หรือแม้แต่ดอกไม้ของฤดูร้อนที่แข่งกันบานสะพรั่งให้เราได้ไปชื่นชมความงามของมัน ในส่วนของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีพื้นที่เล็ก ๆ ปลูกเป็นสวนทานตะวันเอาไว้ให้ได้ถ่ายภาพกันแบบฟรี ๆ พื้นที่ตรงนี้เป็นเส้นทางรถไฟเดิมด้วยค่ะ ตอนที่เราไปลำต้นของน้องยังเป็นต้นเล็ก ๆ อยู่เลย ยังไม่โตเท่าไหร่ แต่ยิ้มหน้าบานรับแสงตะวันกันแล้ว ถ้าโตเต็มตัวคงจะต้นใหญ่ไม่แพ้ด้านนอกเขื่อนที่เปิดให้เข้าชม การเดินทาง มาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพมหานคร ใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งตรงสู่จังหวัดสระบุรี แล้วแยกเข้าจังหวัดลพบุรี เมื่อถึงจังหวัดลพบุรี เลี้ยวขวาไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ (ทางหลวงหมายเลข 21) จากนั้นจากตัวเมืองลพบุรี ใช้เส้นทางลพบุรี - โคกตูม - พัฒนานิคม (ทางหลวงหมายเลข 3017) ขับตรงไปประมาณ 16 กิโลเมตร จะมีทางแยก ให้ขับตรงนะคะ ประมาณ 500 เมตร แล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นขับตรงไปประมาณ 300 เมตร แล้วเลี้ยวขวา ก็จะถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รถไฟ ขบวนท่องเที่ยวกรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แบบไปเช้า - เย็นกลับ ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ ออกจากสถานีกรุงเทพฯ เวลา 07.10 น. เที่ยวกลับ เวลา 15.00 น. ถึงกรุงเทพฯ 18.30 น. จุดจอด สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี แก่งคอย แก่งเสือเต้น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และโคกสลุง ช่องทางการซื้อตั๋วรถไฟ สถานีรถไฟทั่วประเทศ โทรศัพท์หมายเลข 1690 (จองล่วงหน้า 5 วันขึ้นไป) พูดถึงดอกทานตะวันกันแล้ว มาฟังตำนานดอกทานตะวัน กันบ้าง ตามตำนานกรีกโบราณเล่าว่า "ไคลที (Clytie)" ธิดาของเทพแห่งมหาสมุทรเนปจูน กับเทวีทีธิส เทพธิดาไคลที เป็นเทพที่มีความงามเหนือเทพธิดาทุกพระองค์ ความงามของเธอเลื่องลือจนเป็นที่หมายปองของเทพหนุ่มมากมาย แต่เทพธิดาไคลทีหาได้สนใจใครไม่ จนกระทั่งวันหนึ่งท้องทะเลเกิดปั่นปวน แบบไม่เคยมีมาก่อน พายุได้พัดทุกสิ่งทุกอย่างใต้ท้องทะเลขึ้นมาบนฝั่ง รวมกระทั่งเทพธิดาไคลทีด้วย เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา เธอเดินสำรวจบริเวณรอบ ๆ ได้พบพืชพรรณต่าง ๆ และแสงแดดที่สาดส่องอย่างที่เธอไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน เทพธิดาไคลทีจึงเกิดความรักต่อดวงอาทิตย์ หรือเทพอพอลโลทันที เธอเฝ้ามองดวงอาทิตย์อยู่แบบนั้นติดต่อกันเป็นเวลา 9 วัน แต่ก็ไม่เคยได้รับความสนใจใด ๆ จากเทพอพอลโล ด้วยความรักที่เทพธิดาไคลทีมอบให้เทพอพอลโลด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้รับความสนใจขึ้นมาบ้าง เธอได้อธิฐานต่อทวยเทพเอาไว้ว่า หากเธอสิ้นอายุขัย ขอให้เธอได้กลายเป็นเทพแห่งดอกไม้ ที่ตั้งมั่นอยู่ตราบสิ้นแสงอาทิตย์ตลอดกาล หลังจากเทพธิดาไคลทีสิ้นลม เรียวขาของเธอได้หยั่งรากลึกลงไปในพื้นดิน แขน และลำตัวก็กลับกลายเป็นลำต้นใบไม้เขียว ใบหน้าอันอ่อนหวานกลับกลายเป็นเกสรสีน้ำผึ้ง เส้นผมไหมสีทองของเธอกลับกลายเป็นกลีบดอกสีเหลืองสดใส ที่จะคอยหันมองดวงอาทิตย์อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย จนกว่าดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป ดอกทานตะวัน จึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ซื่อสัตย์ และมั่นคง เหมือนความรักที่เทพธิดาไคลที มีต่อเทพอพอลโลนั่นเอง เข้าฤดูร้อนกันแล้ว ถ้ามีโอกาสได้แวะชมทุ่งทานตะวัน ก็อย่าลืมเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ