การนั่งรถไฟ ถือเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางของคนที่ไม่รีบร้อน ต้องการจะใช้เวลาไปกับการพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ ณ เส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ ระหว่างทางก่อนที่จะไปถึงจุดหมาย ถ้าพูดถึงการนั่งรถไฟ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะมีโอกาสเคยได้นั่งรถไฟกันมาบ้างไม่ว่าจะเพื่อการท่องเที่ยวหรือเพื่อการโดยสาร ซึ่งจุดเด่นของการนั่งรถไฟนั้นแน่นอนว่าก็คือวิถีรถไฟ ที่เราจะไม่สามารถสัมผัสบรรยากาศแบบเดียวกันนี้ได้จากการโดยสารด้วยวิธีอื่น เช่นการมีพ่อค้าแม่ค้าแวะเวียนขึ้นมาบนขบวนรถไฟเพื่อขายของไปตลอดทาง หรือการที่เราได้นั่งสบตากับคนแปลกหน้าที่นั่งเบาะโดยสารคู่ตรงข้ามกับเรา การได้นั่งมองทิวทัศน์ข้างทางที่ไม่ใช่ท้องถนนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ จึงไม่แปลกที่หลาย ๆ คนจะเลือกนั่งรถไฟเพื่อสร้างความทรงจำดี ๆ ระหว่างทางไปเที่ยว และวันนี้เราก็จะพาทุกคนมานั่งรถไฟไปเที่ยวด้วยกัน โดยมีจุดหมายปลายทางคือ "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" ค่ะ ภาพ : รถไฟมาแล้ว และผู้โดยสารที่กำลังเตรียมตัวขึ้นรถ เริ่มออกเดินทาง เขื่อนป่าสักดิ์ชลสิทธิ์กับจุดสตาร์ทที่เราจะขึ้นรถไฟนั่นอยู่ไม่ได้ห่างไกลกันเท่าไรนัก เราเริ่มขึ้นรถไฟที่สถานี ตำบลลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล ซึ่งอยู่ในจังหวัดลพบุรี ตั๋วโดยสารมุ่งหน้าไปเขื่อนรอบที่ไปจะเป็น 9 โมงเช้า ซื้อตัวแบบไปกลับราคาเพียงคนละ 30 บาทเท่านั้น ที่สถานีลำนารายณ์มีผู้โดยสารขึ้นลงไม่มาก ดังนั้นหากใครต้องการจะโดยสารผ่านสถานีนี้ก็สามารถมาซื้อตั๋วที่สถานีได้เลยโดยไม่ต้องจองล่วงหน้า โดยปกติรถไฟจะมาหลังจากเวลาที่กำหนดนิดหน่อยแต่ก็ไม่มาก พอรถไฟมาแล้วเราก็สามารถขึ้นไปจับจองที่นั่งบนรถไฟกันได้ตามใจชอบ ภาพ : บนรถไฟ บรรยากาศบนรถไฟ รถไฟที่วิ่งผ่านสถานีลำนารายณ์จะค่อนข้างเก่าสักหน่อย เป็นรถไฟระบบแอร์ธรรมชาติ ปรับอากาศโดยแสงแดดและสายลมจากภายนอก หน้าต่างรถไฟส่วนใหญ่จะเปิดกว้างจนสุดและมีบางบานที่ปิดลงไม่ได้ ดังนั้นต้องระวังเรื่องทรงผมที่อาจจะฟูฟ่องโดยเฉพาะถ้าหากผมยาว เพราะลมจากหน้าต่างรถไฟจะตีเข้าหน้าเราอย่างจัง สำหรับผู้ร่วมโดยสารก็มีทั้งค้นที่จะมุ่งหน้าไปเที่ยวเขื่อนป่าสักเช่นเดียวกัน คนที่จะโดยสารไปที่ต่าง ๆ และคุณยายแม่ค้าขายขนม แกจะเดินขายตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวนไปตลอดทาง มีของกินให้เลือกหลากหลายทั้งมะม่วง ลูกชิ้น ไส้กรอก สาหร่าย ปลาเส้นอบแห้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย ภาพ : บ้านเรือนผู้คน ณ สถานีโคกสลุง ทิวทัศน์ภายนอก เส้นทางจากสถานีลำนารายณ์สู่สถานีป่าสักชลสิทธิ์จะวิ่งผ่านหลายสถานีอยู่เหมือนกัน โดยรถไฟจะจอดแวะทุกสถานีที่วิ่งผ่าน เท่าที่จำได้ก็จะมีสถานีโคกสลุงที่มองออกไปจะเห็นอาคารบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ทั้งหมดเพราะรางรถไฟจะอยู่สูงกว่า ซึ่งหากใครชอบทิวทัศน์แบบบ้านเรือนจะต้องถูกใจเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพวาดที่ค่อย ๆ เคลื่อนไปช้า ๆ และระหว่างทางก็จะผ่านไร่นาของชาวบ้าน ทำให้เราได้เห็นฝูงวัวฝูงแพะที่พากันออกมากินหญ้า ภาพ : บรรยากาศรถไฟลอยน้ำ รถไฟลอยน้ำ หลังจากรถไฟวิ่งไปสักพัก ก็จะมาถึงจุดไคล์แมกซ์ที่เราเรียกว่า รถไฟลอยน้ำ เพราะทางรถไฟจะตัดผ่านออกจากพื้นดินเข้าสู่พื้นน้ำ เราจะเริ่มเห็นวิวนอกหน้าต้างเปลี่ยนผ่านจากสีเขียวของทุ่งหญ้าริมทาง ไปเป็นแสงระยิบระยับสีฟ้าครามจากแม่น้ำป่าสัก โดยจะมีรางรถไฟทอดผ่านแม่น้ำเป็นเส้นโค้งสวยงาม พร้อมกับภาพปลายทางเป็นภูเขาลูกใหญ่ตรงหน้า บรรยากาศนี้รับรองได้เลยว่าหากใครได้ลองมานั่งชมจะมีแต่ความประทับใจไม่รู้ลืมเลยจริง ๆ ภาพ : รถนำเที่ยวรอบเขื่อน ภาพ : บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ ถึงแล้ว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หลังจากออกจากจุดชมวิวรถไฟลอยน้ำไม่นาน ในที่สุดรถไฟก็พาเรามาถึงหน้าสถานีเขื่อนป่าสัก รวม ๆ แล้วใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ด้านหน้าเขื่อนจะเป็นร้านขายอาหารตั้งอยู่มากมาย หากใครหิวก็แวะทานข้าวกันก่อนได้ มีทั้งอาหารตามสั่ง ข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำ หรือจะเดินเข้าไปด้านในก็มีร้านอาหารให้เลือกให้ลองชิมอีกเยอะมาก กินอิ่มแล้วก็ให้เดินต่อเข้าไปยังหน้าเขื่อน เราก็จะพบกับรถนำเที่ยวสีเขียวหรือสีแดงจอดรอรับผู้โดยสารในราคาคนละ 30 บาท ซึ่งรถจะพาเราไปเที่ยวรอบเขื่อน ไหว้พระสักการะหลวงปู่ใหญ่ และเลือกซื้อของที่ระลึก เช่น เมล็ดทานตะวัน หรือหากใครจะเช่าจักรยานปั่นเองรอบเขื่อนเขาก็มีจุดให้บริการเช่นกัน หลังออกมาจากเส้นทางนำเที่ยวแล้วเราก็สามารถเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ณ บริเวณหน้าเขื่อนกันต่อได้ ก่อนกลับก็อย่าลืมแวะถ่ายรูปกับจุดถ่ายรูปต่าง ๆ ที่ทางเขื่อนจัดเตรียมไว้ให้ ภาพ : กราบนมัสการหลวงพ่อและถ่ายรูปที่ระลึก ความประทับใจที่ได้มา อันที่จริงผู้เขียนก็เดินทางจากสถานีลำนารายณ์มาเที่ยวเขื่อนป่าสักแล้วหลายครั้ง มาเที่ยวเองบ้าง พาครอบครัวที่อยู่คนละจังหวัดมาเที่ยวบ้าง ด้วยการเดินทางที่ใช้เวลาไม่นาน กับภาพรถไฟลอยน้ำที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน แถมกิจกรรมให้ทำ ณ เขื่อนป่าสักก็มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นไหว้พระ ปั่นจักรยาน เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ หน้าเขื่อนก็มีจุดชมวิวที่แค่นั่งเฉย ๆ ฟังเสียงน้ำเสียงลมก็ยังรู้สึกผ่อนคลาย แถมไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเพราะมีร้านอาหารเปิดให้บริการเยอะมาก จึงไม่แปลกเลยที่เขื่อนป่าสักแห่งนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้มีโอกาสแวะมา ดังนั้นจึงอยากจะขอแนะนำทุกท่านว่าหากมีโอกาส ก็ไม่ควรพลาดมาลองนั่งรถไฟลอยน้ำเส้นทางสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์กันดูสักครั้ง ซึ่งเส้นทางโดยสารจากสถานีอื่น ๆ ก็จะต้องสอบถามหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมกันอีกที แต่ถ้าเริ่มออกเดินทางจากสถานีลำนารายณ์ก็จะเป็นดังรายละเอียดที่ได้กล่าวไปข้างต้น ภาพ : ทิวทัศน์ระหว่างทาง เดินทางกลับ รถไฟขากลับออกจากเขื่อนป่าสักจะเป็นรอบเที่ยงตรง ถัดไปอีกทีก็คือ 4 โมงเย็นเลย เราจึงเลือกที่จะเดินทางออกมาตั้งแต่ตอนเที่ยงเพื่อที่จะได้มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นต่อ และแน่นอนว่าขากลับเราก็จะได้เห็นวิวรถไฟลอยน้ำกันอีกครั้ง จ่ายเงินแค่ 30 บาท แต่ได้มาเที่ยวชมบรรยากาศที่แสนงดงามแบบนี้ มันช่างเป็นอะไรที่คุ้มค่าจริง ๆ และไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ เราก็จะแวะมาเที่ยวที่นี่กันใหม่อีกครั้งแน่นอน ภาพ : สถานีรถไฟ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ภาพประกอบบทความทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน