ปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นสังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” ในปี 2564 และจากการสำรวจในปี 2558 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุมากเป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ สุดท้ายในปี 2574 จะมีอัตตราส่วนของผู้สูงวัย 28% จากประชากรทั้งประเทศ (ข้อมูลจาก สสส.)ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาเช่น ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งจากลูกหลาน โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุเนื่องจากการรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า แต่ในตำบลหนองโรงบ้านเกิดผู้เขียน มีเรื่องราวที่น่ารักเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการแก้ไขปัญหาของผู้สูงวัย ที่อยากถ่ายทอดเพื่อร่วมกันแบ่งปัน ในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีการจัดโครงการที่เรียกว่า “โรงเรียนผู้สูงอายุ”ผู้ที่มีโอกาสได้เรียนนั้นจะต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อวันเปิดเรียนมาถึง บรรดาผู้สูงอายุก็จะแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนขาวสะอาด บางท่านอาจจะยืมลูกหลาน บางท่านลูก ๆ ลงทุนตัดให้ก็มี จากนั้นจะขึ้นรถอีแต๋นของ อบต. ที่ทำหน้าที่แทนรถโรงเรียนมุ่งตรงไปยังที่ทำการ อบต.หนองโรง ผู้สูงอายุจะได้รับการต้อนรับอย่างดี พบปะกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำให้ไม่เหงาและรู้สึกว่ามีคุณค่า การทำกิจกรรมเริ่มจากเคารพธงชาติแบบโรงเรียนปกติคุณครูเดินตรวจแถวและการแต่งกาย นักเรียนที่แต่งกายเรียบร้อยจะได้รับคำชมและเสียงปรบมือจากคุณครูและเพื่อน ๆจากนั้นจึงเดินแถวเข้าห้อง นั่งกันอย่างเป็นระเบียบรอเช็คชื่อ ความน่ารักและถือเป็นกิมมิคเล็ก ๆ คือทุกคนจะถูกแทนคำนำหน้าชื่อเป็นเด็กหญิงและเด็กชายทั้งหมด นอกจากเรียกรอยยิ้มผู้สูงวัยได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียนแล้ว ยังเป็นการละลายพฤติกรรมให้ทุกคนไม่ขัดเขินได้อีกด้วย มาถึงบรรยากาศการเรียนการสอน เริ่มด้วยการดูแลสุขภาพ และการออกกำลังกาย เต้นประกอบเพลง อุ่นเครื่องกันพอประมาณจึงได้เริ่มเรียนวิชาต่าง ๆ ทั้งภาษาไทย วิชาวาดรูป พัฒนาทักษะวิชาชีพ ฯลฯ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของตำบลและได้ครูจิตอาสาที่เสียสละเวลามาช่วยสอนการเปิดโครงการ "โรงเรียนผู้สูงอายุ" นั้นนับว่าเป็นความคิดที่ดีมาก เพราะผู้เขียนเชื่อว่าการดูแลผู้สูงอายุทำได้หลายวิธี แต่การทำให้ท่านได้มีความสุข กลับมายิ้มและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอีกครั้งเป็นการสร้างคุณค่าแก่ประชากรสูงวัยแบบยั่งยืน เราคงไม่อยากเห็นท่านเหล่านั้นต้องโดดเดี่ยวจนบั้นปลายสุดท้าย "เพราะสักวันหนึ่งเราก็ต้องแก่เหมือนกัน"ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน ชาตรี แก้วบุญเพิ่มข้อมูลอ้างอิงจาก สสส.ภาพประกอบปกจาก www.pixabay.comภาพประกอบหลังปกจาก www.pixabay.com