เงินจำนวน 120 บาท เพื่อนๆ สามารถทำอะไรได้บ้างครับ หลายคนอาจจะซื้อกาแฟ ซื้อขนม แต่ถ้าจะบอกว่าใช้เงินจำนวนนี้ไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ ซึ่งหลายคนคงมีคำถามว่าจะไปได้เหรอ คำตอบคือได้ครับและสถานที่ที่จะไปกันนั่นก็คือ น้ำตกไทรโยคน้อย จังหวัดกาญจนบุรี การเดินทางในครั้งนี้เราเดินทางรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยว 909 จากชื่อขบวนที่ว่าพิเศษนำเที่ยว ก็เพราะว่ามีการจัดเดินรถเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น เริ่มต้นการเดิน รถจะออกจากสถานีกรุงเทพ หรือที่เรารู้จักว่า หัวลำโพง เวลา 06.30 น. นอกจากมาขึ้นรถที่หัวลำโพงแล้ว ยังสามารถขึ้นรถได้ที่สถานีที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งจะจอดรับที่สถานี สามเสน-บางซื่อ-บางซ่อน-บางบำหรุ-ศาลายา แต่ต้องมาตรงเวลานะครับไม่อย่างอาจจะอดไปเที่ยวได้ ใช้เวลาประมาณเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า รถจะจอดที่สถานีนครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่แรกของโปรแกรมนี้ โดยมีเวลาให้ 40 นาที เพื่อไปไหว้องค์พระร่วงโรจน์จนฤทธิ์ และเลือกซื้อของ ออกจากสถานีนครปฐม ก็จะถึงชุมทางหนองปลาดุกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้น ทางรถไฟสายมรณะ ทางสายนี้ถูกสร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จุดที่ 2 ที่รถได้จอดให้เราลงได้ไปถ่ายรูป ก็คือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ให้เวลา 25 นาที ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เดินทางต่อไปอีก 1 ชั่วโมง ก็จะถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ของเส้นทางสายมรณะ สะพานถ้ำกระแซ หรือช่วงโค้งมรณะ เป็นสะพานโค้งเลียบ แม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร รถไฟจะวิ่งเลาะไปตามเชิงหน้าผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย ในช่วงนี้รถไฟใช้ความรถประมาณ 10 กม./ชม. เพื่อให้นักท่องเที่ยวไปชมทิวทัศน์อันสวยงาม และยังมีความเชื่อว่าให้อธิษฐานแล้วเอามือไปแตะที่หน้าผาจะสมปรารถนาตามที่อธิษฐาน เส้นทางช่วงถ้ำกระแซ ถึง สถานีน้ำตก เป็นป่าที่ยังสภาพสมบูรณ์ ให้ความรุ้สึกเหมือนเดินทางย้อนไปในอดีต ประมาณ 30 นาที จากสะพานถ้ำกระแซ เราก็มาถึงน้ำตกไทรโยคน้อย หรือ น้ำตกเขาพัง จุดนี้เป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้สร้างเส้นทางนี้มีจุดเริ่มต้นที่หนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองทันบูซายัด ประเทศพม่า หลังสิ้นสุดสงครามญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้ รัฐบาลไทยได้จ่ายเงินจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อซื้อทางรถไฟสายนี้จากอังกฤษ และทำการซ่อมบำรุงบางส่วนของเส้นทาง และเปิดใช้งานเพื่อการท่องเที่ยว ทางการรถไฟให้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง สำหรับเล่นน้ำ พักผ่อนตามอัธยาศัย ช่วงเวลาที่เหมาแก่การมาเล่นน้ำ คือ เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่น้ำตกสวยที่สุดและมีน้ำให้เล่น แต่มาในช่วงฤดูแล้งอาจจะไม่น้ำเลย หลังจากเล่นน้ำ พักผ่อนตามอัธยาศัยแล้ว ก็จะได้เวลาเดินทางกลับ ซึ่งยังมีอีกหนึ่งสถานที่ ที่ทางรถไฟจะจอดให้เราได้เยี่ยมชม ประมาณ 30 นาที นั่นก็คือ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือ สุสานทหารสหประชาชาติ หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไปเรียกว่า ป่าช้าอังกฤษ ที่นี่มีหลุมศพของเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ 6,982 หลุม เหนือหลุมฝังศพทุกหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึก ชื่อ อายุ และประเทศของผู้เสียชีวิต ซึ่งข้อความในบรรทัดสุดท้ายเป็นคำไว้อาลัยที่โศกเศร้า การสร้างทางรถไฟสายนี้มีเชลยศึกที่ต้องสังเวยชีวิตจากความโหดร้ายของสงครามและโรคระบาดเป็นจำนวนมาก จึงมีคำเปรียบเปรยว่า หนึ่งไม้หมอน เท่ากับ หนึ่งชีวิต บรรยากาศในสุสานเงียบสงบและร่มรื่น พื้นที่ภายในได้รับการตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม หลังจากเยี่ยมชมสุสานสัมพันธมิตร เราก็กลับมาที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี เพื่อเดินทางกลับ ซึ่งมีกำหนดรถออกเวลา 17.00 น. และจะถึงหัวลำโพง 19.30 น. เงิน 120 บาท ที่เป็นค่าตั๋วรถไฟสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ถือว่าคุ้มค่ามากครับ นอกเราจะไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อยแล้ว ยังมีความรู้สึกเหมืนได้ย้อนเวลามาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งหลายคนก็คงจะเคยได้อ่านเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่เมื่อได้เดินทางมายังสถานที่จริงและเป็นการเดินทางด้วยไฟ ทำให้เห็นสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าเขา แม่น้ำที่คดเคี้ยวและมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ทั้งเครื่องมือที่ยังไม่ทันสมัย แต่ใช้เวลาการสร้างทางรถไฟสายนี้ เพียง 18 เดือน แต่ก็มีเชลยศึกที่ถูกจับมาเพื่อใช้แรงงานต้องสังเวยชีวิตเป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า ทางรถไฟสายมรณะ และอีกหนึ่งสิ่งที่ได้ในครั้งนี้ ก็คือ มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทางที่มีจุดหมายเดียวกัน เพื่อนๆ หลายคนอาจจะกลัวว่าถ้ามาเที่ยวคนเดียวจะเหงา ไม่มีเพื่อนคุย บอกได้เลยครับว่าไม่เหงาแน่นอน เพียงแค่เราเปิดใจก็จะได้รับมิตรภาพ รอยยิ้ม จากคนแปลกหน้าที่จะมาเป็นเพื่อนใหม่ของเรา เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจเดินทางด้วยขบวนพิเศษนำเที่ยว สามารถจองตั๋วและสอบถามข้อมูลได้ที่สถานรถไฟทั่วประเทศ หรือโทร 1690 และ http://www.railway.co.th/