ได้รับภารกิจตั้งแต่เช้า วันนี้ต้องรีบเอาแจ่วบองไปให้ป้า แม่จัดแจงผักสด มะเขือ ถั่วฝักยาว สะเดา ผักบุ้งใส่ปิ่นโตชั้นล่าง แจ่วบองกลิ่นหอม ๆ อยู่ด้านบน ถึงผู้เขียนจะหน้าตาเหมือนลูกครึ่งอิตาเลี่ยน(ติดเสียแต่หน้าบาน ดั้งแหมบ ฮาฮา) แต่กับข้าวแบบนี้แหละของโปรด กินแล้วสบายใจสบายท้อง รับปิ่นโตแล้วก็ไม่รอช้าบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปบ้านป้าทันที ถึงบ้านป้าในเวลาไม่นานนัก ด้วยที่นับถือเป็นญาติผู้ใหญ่ และน้ำใจไมตรีที่มีให้กันแบบคนบ้านนอก จึงแวะเวียนไปมาหาสู่บ่อย ๆ เวลาป้ามีของดี หรือผักสด ๆ ก็จะอดคิดถึงเราไม่ได้ บ้านผู้เขียนเองก็เช่นกัน หลังจากยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ชั่วครู่จึงตะโกนเรียกจากนอกรั้ว เสียงป้าจากในครัวบอกให้รอเดี๋ยว เพราะทำกับข้าวจนมือไม่ว่าง เสียงตะหลิวเคาะกระทะเป็นเครื่องยืนยัน เมื่อดูท่าว่าคงใช้เวลาสักพักเราจึงวางปิ่นโตไว้ที่โต๊ะหินหน้าบ้าน และเดินดูต้นไม้ใกล้ ๆ ดาวกระจายในกระถางเล็กชูดอกแย้มสดใส ชบาสีแดงยื่นกิ่งระหัว เหมือนจะบอกว่าชมฉันบ้างซิ เดินไปอีกนิดนั่นฟ้าทะลายโจร ชื่อฟังแล้วฮีกเหิม เราชักเริ่มสนุกกับสวนดอกไม้ของป้า พอเหลือบไปเห็นไม้ชนิดหนึ่ง ลูกเหลือง ๆ เล็กเท่านิ้วโป้ง รูปทรงเหมือนฟักทองฮาโลวีนของฝรั่ง จึงตะโกนถามป้า เลยได้รู้ว่าชื่อ "ขันทองพยาบาท" โอ้โห!!! อยากรู้จังใครเป็นคนตั้ง ทำไมต้องขันทอง? แล้วไปโกรธแค้นมาแต่ไหนเลยมาเป็นชื่อต้นไม้ แต่ที่ทำให้แค่ได้ยินชื่อแล้วประหลาดใจยิ่งกว่านั้นมันคือต้นใกล้ ๆ กัน ลูกสีชมพูกลมใส คล้ายตะขบบ้าน เราเด็ดมาพวงเล็ก ๆ มองเห็นสีน่ารักชมพูอ่อนกระจุ๋มกระจิ๋ม มีกลิ่นหอมบาง อดใจไม่ไหวเลยลองกัดดู อืม!! หวานดีแฮะ กลิ่นฉุน ๆ คล้ายพริกไทยขึ้นจมูก สักพักเดียวเท่านั้นแหละ ความเผ็ดปร่าเริ่มติดปลายลิ้น "ป้าครับ ต้นลูกชมพู ๆ นี่เขาเรียกว่าอะไรครับ" เราร้องถามป้าในครัวด้วยความประหลาดใจ จังหวะเดียวกับที่ป้าเดินมาพอดีพร้อมถ้วยแกงในมือ นี่เขาเรียกต้น "ลูกเขยตาย แม่ยายปกน่ะ" ป้าตอบอย่างคนรุ่นเก่าที่รู้เรื่องสมุนไพรดี "ฮ่าฮ่าฮ่า" ต้นอะไรทำไมชื่อแปลกดีแท้ เราหัวเราะ ลูกเขยตายยังมีกะใจอำพรางศพ เดี๋ยวก็ได้ติดคุกล่ะแม่ยายเอ๋ย ผู้เขียนพูดติดตลก "อ้าวเอ็งนี่ ชื่อมันมีที่มาที่ไป " ป้านั่งลงที่ม้าหิน เรื่องมันก็มีอยู่ว่า(นั่นแน่มี Story ตำนานตัวเองเสียด้วย) สมัยก่อน แม่ยายกับลูกเขยพากันไปเก็บสมุนไพรบนภูเขา ขณะที่เดินป่ามาได้พักใหญ่ ลูกเขยกลับถูกงูเห่ากัด ด้วยความเจ็บปวดทรมาน ก่อนจะสิ้นใจด้วยพิษงู แม่ยายตกใจทำอะไรไม่ถูก (อย่างกับหนังระทึกขวัญ) เห็นเขยแน่นิ่ง จึงเอาใบไม้มาปิดศพกันสัตว์มากิน ตั้งใจกลับไปพาคนมาช่วยหาม พอมาอีกรอบพร้อมคนหลายคน ก็เห็นลูกเขยลุกขึ้นมานั่งหัวโด่ จึงเรียกใบและต้นนั้นว่า "ต้นลูกเขยตาย แม่ยายปก" ป้ายังเล่าเสริมอีกว่าสมุนไพรนี้ดียังไง ใช้ได้ตั้งแต่เปลือกแก้พิษงู กระทุ้งพิษ เริม งูสวัด ขยุ้มตีนหมา เราสะดุดหู "ไอ้โรคขยุ้มตีนหมานี่เป็นยังไงหรือครับป้า" งงกับต้นไม้ยังมางงชื่อโรคนี่อีก "มันก็คล้ายงูสวัดนั่นละ ตุ่มใส ๆ แต่ขึ้นเป็นหย่อม ๆ จ้ำ ๆ คล้ายรอยเท้าหมาเดินน่ะ" ป้าบอก ใบนี่ต้มกับน้ำกินลดน้ำตาลในเลือด รากใช้เป็นยาลดไข้ ผลนี่นอกจากอร่อยหวานแล้วกินแก้พยาธิได้ด้วย ดอกรักษาหิด "บ้านป้านี่ดีจังนะครับมีแต่ต้นไม้แปลก ๆ แถมมีประโยชน์ด้วย" ผู้เขียนหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะแกล้งถามป้าว่า "เอ่อ...แล้วมีต้นไม้ที่ชื่อแปลกกว่านี้ไหมป้า?" มีสิวะโน่น อยู่หลังครัว "เถาตดหมู ตดหมา" กินเป็นยาโด๊ป ป้าจะพาไปดู ผู้เขียนทำหน้าเหยปฏิเสธ แค่ชื่อก็คงจะเหม็นน่าดูแล้ว จึงขอตัวกลับ พร้อมไม่ลืมแกงมะเขือพวงกับเนื้อแสนอร่อยของป้าติดมือมาด้วย ภาพทั้งหมดถ่ายโดย ชาตรี แก้วบุญเพิ่ม ผู้เขียน