“สะพานข้ามแม่น้ำแคว ทางรถไฟสายมรณะ กาญจนบุรี” สะพานข้ามแม่น้ำแคว ทางรถไฟสายมรณะ จังหวัดกาญจนบุรี คิดว่าเพื่อน ๆ คงจะเคยได้ยินและพอรู้ประวัติของสถานที่แห่งนี้กันมาบ้างนะครับ เพราะในตอนที่เราเรียนหนังสือในชั้นประถม หรือมัธยมศึกษา สถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่อยู่ในหมวดวิชาประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเรา และยังมีสื่อต่าง ๆ ที่นำประวัติสถานที่แห่งนี้ไปนำเสนอ เช่น หนัง ละคร หรือสารคดีประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ก่อนที่ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปชมสะพานข้ามแม่น้ำแควและบรรยากาศโดยรอบสะพานแห่งนี้ จะขอเล่าประวัติย่อ ๆ พอสังเขปนะครับ ทางรถไฟสายมรณะสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ประมาณปี 2485-2486 ซึ่งสร้างโดยรัฐบาลญี่ปุ่น โดยยืมเงินจากรัฐบาลไทยจำนวน 4 ล้านบาท ใช้เวลาสร้างเพียงแค่ 1 ปี เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ในการรบและลำเลียงอาวุธยุทธโธปกรณ์ผ่านไปยังประเทศพม่า โดยใช้แรงงานของเชลยศึกฝ่ายพันธมิตร ได้แก่ ทหารประเทศอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กว่า 7 หมื่นกว่าคน และกลุ่ม กรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู พม่า และอินเดีย เป็นแรงงานหลักในการสร้างสะพานแห่งนี้ เพื่อเป็นเส้นทางนำทัพในการรบไปสู่ประเทศพม่า ลำเลียงยุทโธปกรณ์อาวุธสงคราม และกำลังพลต่าง ๆ เพื่อที่จะเข้าโจมตีพม่าและอินเดีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ในขณะนั้นยังเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษนั่นเอง แต่เนื่องจากการสร้างสะพานแห่งนี้ ต้องข้ามแม่น้ำแควซึ่งมีความกว้างและยาว พื้นผิวเป็นหินสลับดิน มีน้ำที่ลึกและเชี่ยวกราก การก่อสร้างสะพานจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ความโหดร้ายทารุณ มากมาย เชลยศึกที่ถูกทหารกองทัพญี่ปุ่นบังคับให้สร้างสะพาน ต่างได้รับความทุกข์ ทรมาน แสนสาหัส จากการขาดอาหาร บาดเจ็บจากพิษไข้ป่า จากโรคภัยต่างๆ ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคน ต้องสังเวยเสียชีวิตให้กับสะพานสายมรณะแห่งนี้ มีคนเปรียบเทียบว่าไม้หมอน 1 อัน เทียบเท่ากับชีวิตของเชลยศึก 1 คน ทางรถไฟแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2486 และเปิดใช้ในเดือนธันวาคม ในปีเดียวกันนั้นเองลักษณะของสะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นการก่อสร้างด้วยโครงเหล็กครึ่งวงกลมเสริมคอนกรีต เสริมเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแกร่งสามารถรองรับน้ำหนักรถไฟและการขนส่งยุทโธปกรณ์ของกองทัพญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ มีความยาว 45 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ไปสู่ปลายทางที่เมืองทันบูซายัด ประเทศพม่า หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฝ่ายญี่ปุ่นพ่ายแพ้ต่อกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร สะพานถูกระเบิดทำลายเสียหายเป็นบางส่วน รัฐบาลไทยได้จ่ายเงินจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อขอซื้อทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้จากอังกฤษ มีการซ่อมบำรุงปรับปรุง เส้นทางดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อเปิดเป็นการเดินรถ โดยอยู่ในความดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ความสวยงามของสะพานทางรถไฟสายมรณะที่เพื่อน ๆ เห็นกันในปัจจุบันนี้ ใครจะคิดว่ามันจะเป็นร่องรอยของประวัติศาสตร์ที่มีความเจ็บปวดทรมานและสังเวยชีวิตไว้ที่สะพานแห่งนี้ ของคนกลุ่มหนึ่งในอดีต สำหรับเพื่อน ๆ หรือนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมสะพานแห่งนี้ ก็จะได้เรียนรู้และชมร่องรอยความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของสะพาน นั่งรถไฟชมบรรยากาศระหว่างเส้นทางที่รถไฟวิ่งตามเส้นทางแม่น้ำแคว ซึ่งทางการรถไฟแห่งประเทศไทยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นรถไฟและเดินชมบรรยากาศบริเวณทางรถไฟเพื่อเก็บภาพบรรยากาศไว้ในความทรงจำ ที่ครั้งหนึ่งได้มาเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็นจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่ต้องการมาชมให้ได้ บรรยากาศโดยรอบของสะพานข้ามแม่น้ำแคว นอกจากสะพานและทางรถไฟที่เป็นประวัติศาสตร์แล้ว บรรยากาศร้านอาหารบนแพแม่น้ำแคว ร้านอาหารบนฝั่ง ร้านค้าขายของฝาก ก็จะมีบริการให้เพื่อน ๆ และนักท่องเที่ยว ได้ชิมลิ้มรสอาหาร ได้ซื้อหาของฝากที่ระลึกของจังหวัดกาญจนบุรี ติดมือกลับบ้านกัน ซึ่งก็มีทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เลือกกันหลายร้านเลยทีเดียว การเดินทางมาที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว สามารถเดินทางด้วยทางรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง และรถไฟ ระยะทางจากกรุงเทพฯ มาสะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 128 กิโลเมตร ผ่านถนนหมายเลข 323 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ภาพประกอบโดย ครูชอวร์ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ต่อไปในจังหวัดกาญจนบุรี จะเป็นที่ไหนนั้น เดี๋ยวผมจะพาเพื่อน ๆ รออ่าน รอชมกันนะครับ