เรียกว่าเมื่อเข้าสู่สถานการณ์ในช่วงหลังคลายล็อคดาวน์ ของวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 สถานที่ต่าง ๆ อย่างร้านอาหาร หรือแม้แต่ร้านคาเฟ่ต่างก็ทยอยเปิดร้านพร้อมกับเปิดการให้บริการในรูปแบบของการนั้งทานที่ร้านได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่รอคอยของสายเที่ยวเลยก็ว่าได้ วันนี้เรามีทริปแบบ วัน เดย์(One Day) เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่จะพาไปตะลุยร้านคาเฟ่สุดฮิต พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ เอาไว้อัหลงโซเชียล กันที่ จ.กาญจนบุรี แบบไปเช้าเย็นกลับ ที่เรียกว่าสามารถเป็นไลฟ์สไตล์การเดินทางท่องเที่ยวแบบคนทำงานที่หยุดเสาร์-อาทิตย์ได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งขอบอกเลยว่าทริปลุยคาเฟ่กาญจนบุรีที่เราได้วางแผนเอาไว้นั้น เราตั้งใจจะไปทั้งหมด 2 คาเฟด้วยกัน เริ่มกันที่แรกนั้นคือ ร้านมาตะกาญจน์ บอกเลยว่าเราได้แรงบันดาลใจจากร้านนี้จากเพื่อนในอินสตราแกรมที่ได้มีการถ่ายภาพในมุมสูง หรือที่เราเรียกว่ามุมบรรไดสวรรค์นั้นเองค่ะ โดยเริ่มต้นเราเดินทางออกจากที่พักแถว เมเจอร์รัชโยธินโดยใช้ GPS ในการนำทางไปยังร้านมาตะกาญจน์ จ.กาญจนบุรี โดยจะใช้เส้นทางผ่าน จ.นครปฐม ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ เท่านั้นเองค่ะ เมื่อเดินทางมาถึงบอกเลยว่าคุณจะได้พบกับคาเฟ่ในสไตล์ทุ่งนา อีก 2-3 ร้าน เรียงรายติด ๆ กันอยู่ เรียกได้ว่ามาที่นี่ที่เดียวก็สามารถเลิอกร้านเข้าได้เลยล่ะค่ะ โดยร้านมาตะกาญจน์จะอยู่ริมสุดข้าง ๆ กับร้านมีนา คาเฟ่ นั้นเองค่ะ เมื่อเดินเข้าร้านมาก็จะได้พบจุดล้างมือโดยจะมีเจลแอลกอฮอลล์ตั้งอยู่ และพบกับน้องหมีตัวใหญ่ที่มีการสลักชื่อร้านอยู่ เรียกว่าเข้าร้านมาก็เจอมุมถ่ายรูปเลยล่ะค่ะ บรรยากาศภายในร้านจะออกแนวลอฟท์หน่อย ๆ ซึ่งจะมีการตกแต่งด้วยโครงเหล็กสีดำ และกระจกที่สามารถมองเห็นบริเวณทุ่งนาสีเขียวได้ชัดมาก ๆ อีกทั้งยังมีโซนด้านนอกที่จะมีการตกแต่งแบบใช้ฟางในการสร้างที่เรียกว่าแม้จะนั้งข้างนอก ก็ไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดเลยค่ะ เราได้ทำการสั่งเมนูชาไทยเย็นในราคา 60 บาทถ้าจำไม่ผิดนะคะ ><&nbsp; และข้าวผัดไซส์ปูกลาง สนนราคาอยู่ที่ 150 บาทเท่านั้นเองค่ะ เรื่องของรสชาติขอพูดเลยว่าถ้าหิวข้าวมา เมนูนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ รสชาติอร่อย หอม กลมกล่อม ข้าวไม่แฉะด้วยนะคะ แถมเนื้อปูที่ทางร้านให้มาก็ไม่ใช่แค่เศษเนื้อปูเลย ซึ่งดูได้จากภาพเลยจะเห็นว่าเนื้อปูชิ้นใหญ่มากจริง ๆ ค่ะ เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ถึงเวลาของสายเซลฟี่แล้วล่ะค่ะ เราเลือกที่จะออกไปถ่ายบริเวณของบรรไดสวรรค์ที่มีฉากหลังเป็นวัด ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากเลยล่ะค่ะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึงคุณยายที่ชอบดูหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ เพราะทั้งสี และรูปแบบของวัดนี้เหมือนฉากในหนังประเภทนี้เลยทีเดียวค่ะ และนี้คือภาพทั้งหมดที่เราได้มาจากจุดบรรไดสวรรค์ค่ะ ส่วนเรื่องของปีกนั้นไม่ต้องเตรียมมาเองนะคะ เพราะที่ร้านมีพร๊อพในการถ่ายรูปให้เลือกเยอะมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นปีกขาว ,ปีกดำ ,หมวก หรือแม้แต่ร่มย้อนยุค เมื่อได้ภาพ และอิ่มของคาวกันแล้ว เราจึงเลือกไปยังร้านคาเฟ่ที่สองชื่อร้านว่า The Village Farm To Cafe'โดยการนำทางจาก GPS ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นจากร้านมาตะกาญจน์ หลายคนอาจจะตกใจกับทางเข้าของร้านเล็กน้อยเช่นเรา นั้นคือทางเข้าของร้าน The Village Farm To Cafe' จะเป็นทางเข้าเดียวกับโรงแรมคีรีมันตรา เราสามารถเลี้ยวเข้ามาแล้วสังเกตด้านขวามือจะเป็นร้านคาเฟ่สีน้ำตาลอ่อนตั้งอยู่อย่างใหญ่โตเลยทีเดียวค่ะ แถมที่จอดรถก็มีเยอะมาก ๆ อีกด้วย บรรยากาศภายในร้านคล้าย ๆ กับร้านมาตะกาญจน์ เลยทีเดียวค่ะ แต่แตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่พื้นที่ที่มีการแบ่งโซนไว้เยอะกว่า โดยส่วนที่เรานั้งนั้นจะเป็นส่วนของด้านบนที่เป็นห้องกระจกที่มีความสูงของเพดานในระดับที่ไม่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเลยค่ะ แม้จะคนเยอะก็ตาม โดยยังมีการตกแต่งทั้งโคมไฟระย้า และช่อดอกไม้แห้งต่าง ๆ ห้อยลงมาจากเพดานที่ยิ่งทำให้ร้านดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น แถมยังถ่ายภาพสวยมาก ๆ อีกด้วยล่ะค่ะ เราได้สั่งเมนูน้ำอัญชันมะนาว ที่ทางร้านเสริ์ฟมาในรูปแบบของน้ำมะนาว และน้ำแข็งอัญชัน เรียกว่าต้องอุทานว่ามันน่ารักมาก ๆ เลยทีเดียวล่ะค่ะ และอีกเมนูคือ เค้กทรีโอช็อกโกแลต ที่เสริ์ฟมาแบบน้องหมี ส่วนเรื่องรสชาติ ถ้าหากใครที่ชื่นชอบเครื่องดื่มดับกระหาย และชอบความอมเปรี้ยวอมหวานก็ขอแนะนำเมนูเครื่องดื่มนี้เลยค่ะ ส่วนรสชาติของเค้กถือว่าอร่อยถูกใจมากเลยทีเดียว สำหรับใครที่ชื่นชอบรสหวานน้อยเช่นเดียวกับเราก็สามารถทานได้เช่นเดียวกัน ราคาโดยประมาณของน้ำอัญชันมะนาวอยู่ที่ 90 บาท และเค้กทรีโอช๊อกโกแลตในราคา 130 บาทโดยประมาณนั้นเองค่ะ แน่นอนว่าหลังจากที่เราได้อิ่มของหวานแล้ว พลังงานเซลฟี่ก็เริ่มทำงาน บอกเลยว่าหลังร้านนั้นเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ไกลสุดตามากเลยทีเดียวค่ะ เรียกว่าแม้จะเป็นช่วงบ่ายที่แดดยังคงแรงอยู่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานความเย็นที่มีลมพัดมาอยู่ตลอด ถ้าหากใครกำลังต้องความธรรมชาติสีเขียวสดใส และเมนูอาหารที่อร่อยราคาถูกใจ ที่นี่เป็นอีกที่ที่เราอยากแนะนำเลยค่ะ สายเซลฟี่จะถ่ายแค่มุมเดียวไม่ได้ บอกเลยว่าเราได้ภาพถ่ายจากร้าน The Village Farm To Cafe' มาหลายภาพ และหลายมุมมากเลยทีเดียวค่ะ และที่เห็นทั้งหมดนี้ยังไม่ครบทุกมุมของที่ทางร้านมีเลยนะคะ โดยรวมราคาโดยประมาณของทั้งทริปแล้วนั้น รวมค่าน้ำมันทั้งขาไป-ขากลับด้วยนั้น ราคาเพียงแค่ 700 บาทเท่านั้นเองค่ะ แอบกระซิบบอกเลยว่ายิ่งชวนเพื่อนไปกันเยอะ ๆ นอกจากจะมีตัวหารที่ทำให้ประหยัดมากขึ้นแล้วนั้น ยังมีตัวหารในการแชร์ความสุข และประสบการณ์ดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วยนะคะ และเมื่อถึงเวลาที่เราต้องเดินางกลับ กทม. ก็ถึงเวลาที่ต้องร่ำลาธรรมชาติเพื่อกลับไปใช้ชีวิต ระหว่างการเดินทางทั้งขาไป และขากลับ สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากการเดินทางในครั้งนี้ก็เห็นจะเป็นการโหยหาความธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปจากความวุ่นวายที่แม้การเดินทางจะรวม ๆ แล้วร้อยกว่าโลแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ามันยาวนานเลยล่ะค่ะ อีกทั้งการปรับตัวของร้านค้า รวมทั้งคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวหลาย ๆ คนก็ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ และสบายใจกับวิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่นอกจากจะมีความสุขแล้ว ก็ต้องมีความปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน ภาพถ่ายโดยผู้เขียนทั้งหมด