สิ่งที่ผมจะเล่าต่อจากนี้เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ผมได้ไปมาในช่วงปลายปี 2562 แต่สำหรับ ณ สถานการณ์ที่โรคโควิด19 (Covid 19) กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ผมยังไม่แนะนำให้ไปท่องเที่ยวกันนะครับเพราะอาจจะเกิดความเสียงต่อสุขภาพได้ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คน รักในการท่องเที่ยว การได้เจออะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ มันมักจะทำให้หัวใจพองโตเสมอ แต่ต่างคนต่างก็มีรูปแบบในการเที่ยวที่ต่างกันออกไป บางคนชอบความสบายเดินชอบปิ้งหาซื้อของกิน บางคนชอบขับรถเที่ยวมองวิวข้างทาง หรือบางคนอาจจะชอบไปหาความสงบหาที่นอนหลับพักผ่อน แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหนเป้าหมายที่เหมือนกันก็คือ "ไปหาความสุข" ผมเป็นอีกคนที่มีความหลงไหลในการท่องเที่ยวมาก แต่รูปแบบการเที่ยวของผมอาจจะต่างออกไปจากที่กล่าวมาซักนิดหน่อย ผมดันชอบความลำบาก ฮา ๆ ๆ ผมคิดว่าอะไรที่มันแลกมายากมันจะมีคุณค่าเสมอ การเดินทางครั้งนี้มันเริ่มจากการมีความคิดอยากจะพาแม่ไปเที่ยวเดินชมธรรมชาติเพราะแม่ผมเป็นคนที่รักอะไรที่เป็นสีเขียวมาก แต่แม่ยังไม่เคยไปเดินป่าทางไกลเลยซักครั้ง ผมก็เลยลองชวนเล่น ๆ ว่า ไปเดินเที่ยวป่ากันมั๊ย แม่ผมตกลงเฉยเลยผมเลยบอกว่ามันโหดนะ แต่แม่บอกสบายทำงานในไร่ทั้งวันนับประสาอะไรกับแค่เดินป่า (ลืมบอกไปแม่ผมเป็นเกษตรกรชำนาญการพิเศษเลยทีเดียว) นี่แหละที่เขาบอกว่าคนแก่หยามไม่ได้ ฮา ๆ ๆ ผมเลยจัดให้เลย หาข้อมูลสถานที่สำหรับเดินป่าที่น่าสนใจก็เลยเจออยู่ที่หนึ่งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี (ผมคนกาญจนบุรี) ชื่อ "เขาสันหนอกวัว" เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี มีความสูง 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลนับว่าสูงทีเดียว จากการหาข้อมูลก็ทราบว่าทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมผู้ดูแลการเดินป่าขึ้นเขาสันหนอกวัวเขาจะเปิดให้ขึ้นแค่วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ผมจึงรีบทำการจองได้วันศุกร์ (เบอร์โทรติดต่อทางอุทยานด้านล่าง) โดยการจองจะต้องเสียค่ามัดจำให้อุทยานไว้คนละ 100 บาท และแสดงหลักฐานเป็นรูปบัตรประจำตัวประชาชนเอาไว้ว่ามีตัวตนจริงเป็นการเสร็จสิ้นว่าคุณจะต้องเป็นผู้พิชิตเขาสันหนอกวัว ฮา ๆ ๆ และวันเดินทางก็มาถึงผมออกเดินทางจากบ้านในวันพฤหัสฯ เพราะว่าสถานที่ที่นัดรวมตัวที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม (จุดชมวิวป้อมปี่) นั้นอยู่ห่างจากบ้านผมพอสมควร ก็กะว่าจะไปนอนค้างที่นั้นเลยเช้าจะได้ขึ้นเขา จัดเตรียมเสบียงไว้พร้อมทั้งอาหารแห้งเครื่องมือทำอาหารอีกมากมายใส่กระเป๋าเกือบ 14 กก. เดินทางกว่าจะถึงจุดชมวิวป้อมปี่ก็มืดเลยเพราะดันมัวแวะเที่ยวข้างทางอยู่ เลยรีบกางเต็นท์ อาบน้ำ ทำอาหารกินเสร็จก็รีบเข้านอน พอถึงตอนเช้าประมาณ 8 โมง เจ้าหน้าที่อุทยานก็ตั้งโต๊ะให้ไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนอีกทีแล้วก็จ่ายค่าเจ้าหน้าที่ ค่ารถที่จะไปส่งยังจุดขึ้นเขา รวมทั้งหมดตก 2,000 บาท แต่อย่าตกใจเพราะเขาจะจัดการเดินป่าเป็นกลุ่ม โดย 1 กลุ่ม ประมาณ7 ถึง 8 คน ซึ่งมีเจ้าหน้าที 1 คน ค่อยดูแล ก็เลยหาร ๆ เฉลี่ยกันไปประมาณคนละ 200 กว่าบาท และก็มีค่าจ้างลูกหาบ 1,500 บาทต่อคน กรณีถ้าแบกไม่ไหวแต่ผมไม่เอาครับ พอดีแข็งแรงอยู่แล้วหึ ๆ อ่อลืมบอกไปทริปนี้มีด้วยกัน 3 คน ครับ มีผม แม่ และก็พี่สาวอีกคน รถของอุทยานจะไปส่งยังจุดเริ่มเดินครับห่างจากจุดชมวิวป้อมปี่ประมาณ 10 กม. เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาไปเรื่อยอากาศเริ่มเย็นลงเมื่อเข้าสู่หุบเขามองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ ไม่นานก็มาถึงยังจุดเริ่มต้นการเดินขึ้นเขาสันหนอกวัว ระยะทางเขียนบอกไว้ว่า 9 กม. นับว่าไกลพอสมควรสำหรับเส้นทางการเดินในป่าแบบนี้ เราเริ่มก้าวแรกในเวลา 9.00 น. อย่างลิงโลดด้วยความตื่นเต้นผ่านจุดพักที่ 1 อย่างสบาย แต่พอจะไปจุดพักที่ 2 เท่านั้นแหละความเหนื่อยเมื่อยล้ามาเต็ม ๆ ฮา ๆ ๆ แต่แม่ผมยังเดินสบายครับ เหนื่อยยังไงก็ต้องไปให้ถึงจุดหมายมีพักบ้างไรบ้าง จนเดินมาถึงจุดพักที่ 5 ครับ เวลาน่าจะประมาณเที่ยงกว่า ๆ ทุกคนต่างก็มาพักกันยังจุดพักนี้เพราะมันเป็นเวลาของมื้อเที่ยงแล้ว ทำการเติมพลังกันอย่างเต็มที่ ผมมีเสบียงทำมาเมื่อตอนเช้าอร่อยหรือเปล่าไม่รู้แต่ทานไม่มีเหลือเลยหิวมาก หลังจากกินข้าวเสร็จก็นอนพักกันอีกประมาณ 10 นาที แล้วก็ออกเดินทางสู่จุดหมายกันต่อ ความเมื่อยล้าสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ จนขาผมเกิดเป็นตะคริวแต่โชคดีครับที่เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลมีสเปรย์เย็นช่วยพ่นให้ ที่จริงผมกะว่าคงต้องแบกแม่ขึ้นเขาเพราะแม่ไม่น่าไหวแต่ดันกลับกันครับผมดันจะไม่ไหวซะเองส่วนแม่เดินสบาย ๆ เลย ฮา ๆ ๆ เดินต่อกันมาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงจุดกางเต็นท์ครับเป็นลานหญ้าเล็ก ๆ ข้างชายป่าริมหน้าผา มองเห็นจุดหมายยอดเขาสันหนอกวัวอีกไม่กี่ร้อยเมตร ผมรีบช่วยกันกางเต็นท์นั่งพักกันให้หายเหนื่อยเพราะจะต้องเดินขึ้นไปยังยอดเขาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดินในตอนเย็น พอประมาณ 5 โมงเย็นก็เริ่มเดินขึ้นสู่ยอดเขากัน เป็นทางเดินลัดเรียบหน้าผามีเชือกกั้นตลอด ภาพที่มองเห็นเป็นมุมกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นยอดเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนกัน มองออกไปไกลอีกจะเห็นผืนน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) ตัดกับแสงพระอาทิตย์ยามเย็นมันช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก ไม่นานก็เดินมาถึงยอดเขาที่เรียกว่า "สันหนอกเล็ก" มีลักษณะยื่นโค้งออกมาคล้ายหนอกของวัว ด้านข้างเป็นหน้าผามีเชือกกันไว้ทั้งหมด ซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าพอดี เมื่อยืนอยู่บนสันหนอกเล็กจะมองเห็นอีกยอดเขาหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างกันเรียกว่า "สันหนอกใหญ่" มีความสูงกว่าสันหนอกเล็ก แต่ถ้าจะเดินต่อไปยังสันหนอกใหญ่คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรทางเจ้าหนาที่จึงยังไม่อนุญาตให้ขึ้นเพราะอาจจะกลับลงมามืดเสียก่อนจึงนิยมเอาไว้ขึ้นชมพระอาทิตย์ยามเช้า ทุกคนก็เลยต้องนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่สันหนอกเล็ก ทั้งภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม สายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่าน แถมยังมีคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตนั่งอยู่ด้วยมันจึงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเวลาหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากบอกลาพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไป ก็เดินลงกันมายังที่พักทำการหุงข้าวทำอาหารโดยมีพี่ ๆ ที่เป็นลูกหาบช่วยไปตักน้ำที่อยู่ด้านล่างหุบเขาขึ้นมาให้ใช้ แต่ละคนแข็งแรงกันมากครับ พอกินข้าวกันเสร็จก็รีบเข้านอนเพราะตอนเช้าจะต้องตื่นรีบขึ้นยอดเขาสันหนอกใหญ่ มันเป็นค่ำคืนที่ทรหดมากเลยครับเพราะจุดกางเต็นท์มันดันอยู่ตรงบริเวณริมหน้าผาลมที่พัดผ่านจึงมีความรุนแรงพอสมควรเล่นเอาซะเต็นท์ที่ซื้อมาราคาถูก ๆ ของผมหักเลยทีเดียว อากาศก็หนาวเย็นมากน่าจะต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่ได้นอนหลับอย่างสบายอย่างที่หวังไว้เลย เมื่อถึงค่อนสว่างประมาณตีห้าผมก็จัดแจงเตรียมตัวจะเดินทางไปพิชิตยอดสันหนอกใหญ่ แต่ตอนนี้มีเพื่อนรวมเดินทางแค่แม่กับผมครับ ส่วนพี่สาวผมขอลานอนหลับต่อที่เต็นท์ ฮา ๆ ๆ คงจะเหนื่อยมาก ออกเดินลัดเลาะตามชายป่าไม่นานก็ขึ้นไปถึงยอดสันหนอกใหญ่ ลมพัดแรงมากเลยต้องยืนให้ห่างจากหน้าผาไว้มันอันตราย ไม่นานพระอาทิตย์ก็เริ่มทอแสงออกมาจากขอบฟ้าทำให้เห็นบรรยากาศโดยรอบเป็นภาพที่น่าจดจำมาก มันสวยงามเกินกว่าจะบรรยาย มีกลิ่นของหมอกจาง ๆ ที่ไหลผ่าน ความเย็นของอากาศตัดกับแสงพระอาทิตย์ที่กระทบผิวกาย มันคือความพอดีและลงตัวที่สุดของช่วงเวลานั้นจริง ๆ ผมทำการเก็บความทรงจำทั้งภาพและวีดีโอไว้อย่างไวเพราะมันคือช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดของชีวิตเวลาหนึ่ง เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอครับ และแล้วก็มาถึงเวลาต้องบอกลาความงามของเขาสันหนอกวัว หลังจากชมความงามของธรรมชาติที่ได้สรรสร้างไว้ให้ชมจนอิ่มก็กลับลงทำอาหารกินแล้วก็เก็บเต็นท์เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกัน ขาลงสบายไม่เหนื่อยเท่าขึ้นขาขึ้นครับแต่ไม่ค่อยดีตรงช่วงที่มีความชันมากเพราะจะรู้สึกขาอ่อนเลยทีเดียวคนที่มีน้ำหนักเยอะจะลำบากพอสมควรครับเพราะต้องทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงไปยังขาซึ่งอาจจะบาดเจ็บได้ง่าย เดินลงกันมาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงจุดเริ่มต้นของการเดินขึ้นเขาสันหนอกวัว ซึ่งระหว่างทางก็จะพบคนที่เดินสวนขึ้นไปเป็นนักท่องเที่ยวของวันใหม่หลายคนดูเหนื่อยไม่ต่างจากผมตอนเดินขึ้นเลยครับ เลยให้กำลังใจบอกว่าอีกไม่ไกลก็ถึงทั้งที่เหลืออีกแสนไกลฮา ๆ ๆ การเดินทางจบลงด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนหยาดเหงื่อของความเหน็ดเหนื่อยแต่นับเป็นช่วงเวลาที่แสนคุ้มค่าของชีวิตเพราะสิ่งที่ได้จากการเดินป่าครั้งนี้ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้า ไม่ใช่แค่ความงามบนยอดเขา แต่มันมีมิตรภาพที่แสนดีที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง ขอบคุณที่มาด้วยกัน สุดท้ายนี้ผมอยากฝากถึงทุกคนที่รักในการท่องเที่ยว อย่าคิดว่าจุดหมายปลายทางนั้นมันจะทำให้เราต้องมีแต่ความสุขเพราะสิ่งที่อาจพบในจุดหมายนั้นอาจไม่เป็นดั่งใจเราปรารถนาเสมอไป จงอย่าลืมเรื่องราวระหว่างทางเพราะนั้นอาจเป็นความสุขที่แท้จริงของการเดินทาง แล้วอย่าลืมพาคนที่เรารักไปด้วยนะครัยความสุขจะได้กระจายอย่างทั่วถึง ปลายทางรอคุณอยู่ครับ ติดต่อ ขึ้นเขาสันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เบอร์โทร 034-510-431 เวลา 9.00 น. ถึง 16.30 น. ค่ามัดจำการจอง คนละ 100 บาท พร้อมรูปถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท ค่าลูกหาบ 1,500 บาทต่อคน รับน้ำหนักได้ 30 กก. ค่ารถไปส่งและรับกลับที่จุดเริ่มเดิน 1,000 บาท ***หมายเหตุ ควรเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมก่อนจะเริ่มการเดินทางนี้