หากคุณมีเวลาเที่ยวไม่มาก อยากไปเที่ยวแบบชิลๆ สังขละบุรีเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับการมาพักผ่อน สโลว์ไลฟ์ เที่ยวชมวิถีชุมชนมอญ เมื่อพูดถึงสังขละบุรี ใครๆก็ต้องนึกถึงสะพานมอญ แต่จริงๆแล้วสังขละบุรีนั้นไม่ได้มีดีแค่สะพานมอญ เมืองสังขละบุรีเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองที่ตอนนี้ได้จมน้ำไปแล้ว มีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย nettystory จะขอพาทุกคนออกเดินทางในทริปสั้นๆ 2 วัน 2 คืน ที่เมืองแห่งสายหมอกแห่งนี้ ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ เมืองสังขละบุรี (Amphoe Sangkhla Buri) ดินแดนสามวัฒนธรรมเมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ สังขละบุรีเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองชายแดนด้านตะวันตกมีพื้นที่ติดกับรัฐมอญ รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ชุมชนมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมทั้งมอญ กระเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า ฯลฯ ภูมิอากาศ โดยทั่วไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ทำให้มีฝนตกชุกและมีฤดูฝนที่ยาวนานกว่าที่อื่น การเดินทาง นั่งรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต) ขึ้นรถตู้กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ใช้เวลาประมาน 2 ชั่วโมง เมื่อถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรี แล้วต่อรถตู้ไปลงที่ท่ารถสังขละบุรี ใช้เวลาประมาน 4 ชั่วโมง รถเมล์แบบคลาสสิกก็ยังมีอยู่นะ ผู้โดยสารเต็มคันเลย ปลายทางรถโดยสารจอดที่ท่ารถสังขะบุรี จะอยู่ใกล้ตัวเมืองอำเภอสังขละบุรี เริ่มต้นจากการหาเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปยังที่ต่างๆ พอข้ามถนนจะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์อยู่ เราจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปถาม ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ ราคา 250 บาท/วัน สนใจติดต่อได้ที่เบอร์ในภาพด้านบนเลยค่ะ ที่ร้านจะเติมน้ำมันให้เต็มถัง แต่ตอนมาคืนเติมคืนให้เค้าด้วยนะ พี่ที่ร้านใจดีมาก คุยสนุก แนะนำสถานที่เที่ยวต่างๆให้เราด้วย เมื่อได้รถแล้ว เราก็มุ่งตรงสู่ที่พักที่เราจองไว้ ที่พัก : บ้านมอญ ซอย 7 อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่พักแห่งนี้จะอยู่ฝั่งมอญ ตอนเช้าพระบิณฑบาตรผ่านหน้าโรงแรมเลย เพราะใกล้กับสะพานมอญมากๆ และยังใกล้วัดวังวิเวการามและเจดีย์พุทธคยาอีกด้วย ราคาค่าที่พัก คืนละ 950 บาท / ห้อง เมื่อเข้าที่พักเรียบร้อย ล้างหน้าล้างตานิดหน่อย เกิดความรู้สึกหิว เนื่องจากเดินทางมาทั้งวัน ทุกวันเสาร์ที่นี่จะมีถนนคนเดินสังขละบุรี คล้ายๆกับตลาดนัดมีสินค้าพื้นบ้าน ของฝากและของกินต่างๆมากมาย และอาหารที่พลาดไม่ได้เลย ถ้ามาที่เมืองสังขละบุรี ก็คือ "หมูจุ่มพม่า" นั่นเอง ลักษณะคือจะเป็นพวกส่วนต่างๆของหมู (หูหมู ไส้หมู ตับ หัวใจ ฯลฯ กินอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ ) หั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วน้ำมาเสียบไม้ จุ่มอยู่ในหม้อรวม น้ำซุปมีรสชาติคล้ายๆน้ำพะโล้จืดๆ ทางร้านจะมีน้ำจิ้มให้ หมูจุ่มมีราคาเพียงไม้ละ 1-2 บาทเท่านั้น แต่ละร้านรสชาติไม่เหมือนกัน ต้องเสี่ยงดวงกันดูแล้วหละ โชคดีวันที่เรามามีงานประจำปีของวัดวังวิเวการามพอดี จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการมาก เจดีย์พุทธคยาได้เปิดให้ผู้คนมาสักการะยามค่ำคืน มีการเปิดไฟตกแต่งสวยงาม หากมาช่วงอื่นคงไม่ได้เห็นภาพที่งดงามแบบนี้ เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สังขละบุรี ช่วงเช้าที่นี่จะคึกคักมาก กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยก็คือตักบาตรพระมอญ พระจะเริ่มบิณฑบาตรประมาน 7โมงเช้า ร้านค้าต่างๆจะเริ่มนำของมาตั้งเรียงราย บางร้านขายชุดใส่บาตรพร้อมกับมีเครื่องแต่งกายมอญให้แต่งฟรีด้วย ราคาส่วนใหญ่อยู่ที่ชุดละ 99 บาท สะพานมอญ ตักบาตรเรียบร้อยแล้วเราไปเดินเล่นต่อบริเวณสะพานมอญ ซึ่งมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตร สร้างเพื่อใช้ข้าม แม่น้ำซองกาเลีย เชื่อมการสัญจร มอญ-สังขละ นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ และแสงยามเช้าที่สวยงาม พร้อมสัมผัสวิถีชาวบ้านกลางสายหมอกอีกด้วย ใส่ชุดที่ร้านให้ยืมมาถ่ายรูปเก๋ๆได้บนสะพานมอญ เด็กๆจะออกมาหารายได้พิเศษด้วยการเป็นไกด์อาสาตัวน้อย และบริการปะแป้งทะนาคา ค่าบริการแล้วแต่เราจะให้ เด็กเฟรนลี่มากพูดคุยเล่นได้ หรือให้ถ่ายรูปให้ได้ด้วยนะ เนื่องจากเราไปกันสองคน ไม่มีใครถ่ายรูปให้ น้องๆก็เลยอาสาขอถ่ายรูปให้ น่ารักมากๆ ให้ทุนการศึกษาน้องไปแบ่งกัน เดินเที่ยวเล่นบนสะพานมอญกันเสร็จแล้ว ก็เดินกลับเอาชุดมาคืนที่ร้านเดิม เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เป็นเวลาของมื้อเช้าพอดี ร้านโจ๊กนั่งยอง เป็นร้านอาหารเช้าชื่อดังของที่ีนี่ อยู่ใกล้กับทางเข้าสะพานมอญ ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก เราต้องไปยืนสั่งอาหารและรอรับอาหารนำมาที่โต๊ะด้วยตัวเอง เพราะพนักงานคงเสริฟไม่ทัน เมนูร้านนี้มีเมนูอาหารเช้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก ปาท่องโก๋ โรตีโอ่ง แกงฮังเล ปังปิ้ง ฯลฯ ยังมีเมนูน้ำดื่มอีกมากมาย ล่องเรือชมวัดใต้น้ำ โดยเราจะเหมาเรือเพื่อไปชมวัดเก่าทั้ง 3 วัด ประกอบด้วย วัดวังก์วิเวการาม, วัดสมเด็จ และวัดศรีสุวรรณ อันเป็นตัวแทนของ 3 วัด 3 เชื้อชาติ ที่ขณะนี้จมอยู่ใต้น้ำในเมืองบาดาล หากมาในช่วงน้ำแล้งจะเห็นตัวเมืองเก่าที่จมอยู่ใต้น้ำโผล่ขึ้นมา จนสามารถเดินลงไปชมได้เลย แต่น่าเสียดายตอนที่เราไปนั้นน้ำจะเยอะอยู่ จึงทำได้แค่เพียงนั่งชมจากบนเรือเท่านั้น ค่าบริการล่องเรือชมวัดใต้น้ำ (แบบเหมาลำ) สามารถแชร์กับกรุ้ปอื่นได้ เที่ยว 1 วัด 300 บาท เที่ยว 3 วัด 500 บาท ทัวร์ 3 วัด ใช้เวลาประมาน 2 ชั่วโมง จุดเล่นน้ำซองกาเรีย เป็นเวลาเกือบๆจะเที่ยงวันพอดี เราเลยมานั่งทานข้าวที่จุดเล่นน้ำซองกาเรีย ตั้งอยู่ทางไปด่านเจดีย์สามองค์ จะอยู่ทางขวามือมีป้ายบอกทางไว้ มีร้านอาหารตั้งอยู่ริมน้ำเรียงรายไปหมด เลือกหาที่นั่งได้ตามใจชอบ มีทั้งอาหารพื้นเมือง อาหารไทยและอาหารอีสาน รสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพง ทานเสร็จสามารถเอาเท้าจุ่มน้ำเย็นๆได้อีก ฟินสุดๆ เมื่อท้องอิ่มแล้วเราก็เดินทางกันต่อ ไปทางชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ด่านเจดีย์สามองค์ พระเจดีย์สามองค์ เดิมเป็นเพียงก้อนหินวางซ้อนๆกันสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไปก่อนที่จะเดินทางออกเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่าแต่ครั้งโบราณ ด่านเจดีย์สามองค์เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนไทยด้านทิศตะวันตก ในอดีตเป็นช่องทางเดินทัพของไทยและพม่า นักท่องเที่ยวสามารถข้ามชายแดนเข้าไปชมตลาดพญาตองซูในเขตพม่า โดยติดต่อทำเอกสาร/หลักฐานได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสังขละบุรี รูปจากกล้องฟิล์ม by nettystory ด่านเจดีย์สามองค์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 06.00 - 18.00 น. ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปพม่าเสียค่าธรรมเนียมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพม่า คนละ 40 บาท โดยเข้าไปไม่เกิน 3 กิโลเมตร ไป - กลับในวันเดียว วัดวังวิเวการาม (ใหม่) วัดวังก์วิเวการามสร้างโดยพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเชื้อสายมอญได้รวบรวมชาวกะเหรี่ยง ชาวมอญ รวมทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีช่วยกันสร้างขึ้น ปัจจุบันหลวงพ่ออุตตมะได้ละสังขารไปแล้ว แต่ศิษยานุศิษย์ยังเก็บสังขารของท่านไว้ให้คนทั่วไปเข้ามากราบสักการะบูชา วันกลับ เช้าวันสุดท้าย ตื่นสายๆ ไปทานข้าวที่ร้านโจ๊กนั่งยอง วันนี้นักท่องเที่ยวน้อยมากผิดตากับเมื่อวาน เนื่องจากเป็นวันจันทร์แล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะกลับกันหมดแล้ว ร้านจึงสามารถเดินมาเสริฟเราที่โต๊ะได้ ไม่ต้องไปยืนรอรับอาหารเหมือนวันก่อน ท้องอิ่มแล้วขับรถเล่นซักพักก่อนจะกลับไปเก็บของที่โรงแรม ก่อนนำรถมาคืนให้ที่ร้านอย่าลืมเติมน้ำมันคืนให้เต็มถังด้วยนะ เราสามารถซื้อตั๋วรถไปขนส่งกาญได้ที่ท่ารถตู้เลย รถออกตรงเวลาไม่ต้องรอคนเต็ม และก็จบทริปสั้นๆ ในเมืองสังขละบุรีแห่งนี้ สิ่งที่ประทับใจและอยากบอกต่อเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้ก็คือเสน่ห์ของเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เห็นถึงความสามัคคีของคนในชมชุนแม้ว่าจะต่างเชื้อชาติกัน และการมีมิตรไมตรีที่ดีแก่นักท่องเที่ยวทุกคน เรารู้สึกอบอุ่นตลอดระยะเวลาที่พักที่เมืองแห่งนี้ และหวังว่าทุกท่านจะมีโอกาสได้ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองสังขละบุรีเหมือนเช่นกับเรา :) มาเที่ยวสองคนรูปคู่ก็จะประมานนี้ Credit : รูปภาพทั้งหมด โดย nettystory