"แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่ น้ำตก" คำขวัญประจำจังหวัดกาญจนบุรี ที่แต่ละประโยคนั้น ล้วนแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าค้นหาทั้งสิ้น ซึ่งในวันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปค้นหาอัญมณีที่ล้ำค่า "มรกตในวารี" คือ "ชื่อ" ที่ผมใช้เรียกที่นี่ สถานที่ที่สีของน้ำนั้น งดงามดั่งสีของมรกต และคงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก "น้ำตกเอราวัณ" นั่นเองครับ ซึ่งในวันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ออกเดินทางเข้าไปในป่า สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ถ้าพร้อมแล้ว ออกเดินทางไปพร้อมกับผมได้เลยครับ น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เป็นน้ำตกที่มีความงดงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย สีของน้ำเป็นสีมรกต มีความใส และมีอุณหภูมิของน้ำที่เย็นตลอดทั้งปี พื้นที่ของน้ำตกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ จุดสูงสุดอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1 กิโลเมตร และมีระยะทางที่ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ซึ่งในวันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมน้ำตกครบทั้ง 7 ชั้นอย่างแน่นอนครับ พวกเราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังน้ำตกเอราวัณประมาณ 4 ชั่วโมง สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงน้ำตกแห่งนี้ก็คือ การกินอาหารอร่อย ๆ ริมน้ำตก เพราะว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมครับ? ซึ่งพวกเราขอบอกเลยว่าบรรยากาศนั้นดีมาก ๆ เสียงของน้ำตกที่ดัง "ซู่ ซู่" เมื่อฟังแล้ว เหมือนน้ำตกกำลังกระซิบกับพวกเราว่า "สู้ ๆ นะ" ทุกครั้งที่พวกเราเหนื่อยล้าจากการทำงาน และไม่ว่าจะท้อแท้เพียงใด สถานที่แรกที่พวกเรานึกถึง ก็คือ น้ำตกนี่แหละครับ ทั้งเสียงของน้ำตก เสียงของนก เสียงของสายลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงเหล่านี้ คือ เสียงที่ช่วยบำบัดจิตใจของพวกเรา ให้ความเหนื่อยล้านั้น มลายหายไปทั้งสิ้น ซึ่งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ อย่าลืมเก็บขยะไปทิ้งยังจุดที่ทิ้งขยะด้วยนะครับ เอาหล่ะครับ หลังจากเติมพลังเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พร้อมที่จะเดินทางตะลุยไปยังน้ำตกแต่ละชั้นแล้วล่ะครับ เพื่อน ๆ ก็ตามผมมากันได้เลยครับ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง น้ำตกชั้นแรกนี้อยู่ห่างจากจุดจอดรถประมาณ 700 เมตร โดยน้ำตกชั้นที่ 1 นี้จะมีปริมาณน้ำที่สามารถลงเล่นได้ตลอดทั้งปี จุดนี้จะเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำมากที่สุด เพราะน้ำไม่ลึกมาก น้ำมีความใสสะอาด และมีจุดนั่งพักบริเวณน้ำตกอยู่หลายจุด ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถปูเสื่อนั่งชิลชมวิวธรรมชาติได้นะครับ แต่ถ้าใครอยากออกกำลังกายต่อ ก็ตามผมมาได้เลยครับ ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ในชั้นนี้จะอยู่ห่างจากชั้นแรกขึ้นมานิดเดียวนะครับ ลักษณะเด่นของชั้นนี้ ก็คือ ชั้นหินของน้ำตก จะไหลลงมาเป็นม่านน้ำบาง ๆ ลงสู่แอ่งน้ำตกขนาดใหญ่ ซึ่งมีความใสและน่าเล่นกว่าชั้นแรก ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถลงเล่นน้ำที่ชั้นนี้ได้เช่นเดียวกันนะครับ และที่สำคัญในชั้นนี้จะมีปลาพลวงอาศัยอยู่มากมาย เพื่อน ๆ ก็สามารถเล่นน้ำ กับเจ้าปลาพลวงพวกนี้ได้เช่นเดียวกันครับ ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก น้ำตกชั้นนี้จะอยู่ห่างจากชั้น 2 ประมาณ 200 เมตรครับ ซึ่งความงดงามของน้ำตกชั้นนี้ ก็คือ ผาน้ำตกที่สูงชัน และมีน้ำตกไหลลงในแอ่งได้อย่างสวยงาม และตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไป จะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานคอยตรวจตราสิ่งของที่จะนำติดตัวขึ้นมาด้วย โดยถือเป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความสะอาด ของอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ซึ่งก็คือนักท่องเที่ยวทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาต ให้นำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะภาชนะที่เป็นพลาสติก เช่น ขวดน้ำ กล่องโฟม เป็นต้น แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ต้องการนำขวดน้ำติดตัวขึ้นไปด้วยจริง ๆ ทางอุทยานก็จะให้วางเงินมัดจำขวดน้ำไว้ก่อน เมื่อลงมาแล้วก็แค่นำขวดน้ำที่ถือไปติดตัวลงมาด้วย แล้วรับเงินมัดจำนั้นคืน นี่ถือว่าเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวนำขยะไปทิ้งด้านบนได้อย่างดีเลยทีเดียวครับ ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ การเดินทางมายังน้ำตกชั้นนี้ จะต้องใช้ความพยายามและแรงกายค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะจากชั้น 3 มายังชั้น 4 จะต้องเดินทางประมาณ 250 เมตร ซึ่งระยะทางนั้นอาจจะไม่ไกลมาก แต่ว่าเส้นทางที่เดินจะทำมุมประมาณ 45 องศา นั่นก็หมายความว่า จะต้องเดินผ่านบันได และก้อนหินที่ลาดชันพอสมควรจึงจะมาถึงชั้น 4 นี้ได้ ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วความเหนื่อยล้าก็หายไปจนสิ้น เพราะน้ำตกชั้นนี้จะมีก้อนหินขนาดใหญ่และกลมมนอยู่เคียงคู่กัน แลดูคล้ายกับหน้าอกของนางผีเสื้อสมุทร โดยหินคู่นี้มีความลื่นพอสมควร เพื่อน ๆ ก็ใช้ความระมัดระวังเมื่อเดินขึ้นไปด้านบนด้วยนะครับ ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง น้ำตกชั้นนี้เป็นชั้นที่ผมเริ่มจะถอดใจไปต่อไม่ไหวแล้ว เพราะระยะทางจากชั้น 4 มายังชั้น 5 นี้ จะเป็นพื้นที่ลาดชัน ระยะทางประมาณ 600 เมตร ซึ่งการเดินมายังชั้นนี้ พวกเราหยุดพักทุก 100 เมตร เพราะความเหนื่อยล้ากันเลยทีเดียว แต่เมื่อกัดฟันมาจนถึงแล้ว พวกเราก็ลืมความเหนื่อยล้าจนสิ้น เพราะว่าน้ำตกชั้นนี้ มีความงดงามเป็นอย่างมาก ด้วยจำนวนหินที่เรียงกันสลับซับซ้อนและมีน้ำตกที่ไหลผ่านอย่างสวยงาม เมื่อนั่งมองดูแล้วพวกเราถึงกับลืมเวลากันเลยทีเดียว ซึ่งพวกเราใช้เวลาอยู่ในชั้นนี้ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงเลยครับ ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา การเดินทางมายังชั้นที่ 6 นี้ พวกเราเริ่มชินกันแล้วครับ แต่อุปสรรคสำหรับการเดินทาง ก็คือ ฝนป่าที่เริ่มตกลงมาอย่างประปราย ด้วยความที่กล้องของผมนั้นป้องกันน้ำเข้าไม่ได้ จึงต้องหาใบไม้ช่วยกำบังกล้องไม่ให้เปียกน้ำ ถือเป็นการเพิ่มภาระในการเดินทางมากขึ้นไปอีกขั้น แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วพวกเราก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุดครับ จนความพยายามนั้นไม่สูญเปล่า ชั้นที่ 6 นับว่าเป็นชั้นที่มีความงดงามและดูแปลกตามาก นั่นก็เพราะว่าน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นสาย ผ่านชั้นหินที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ปกคลุมอย่างสวยงาม ราวกับว่าน้ำตกนั้นได้ไหลลงมาจากยอดไม้ก็ไม่ปาน ซึ่งเป็นภาพที่ดูแล้วสดชื่นมาก ๆ ครับ ชั้น 7 ภูผาเอราวัณ การเดินทางมายังชั้นนี้ ป้ายบอกทางที่กรมอุทยานจะทำไว้ระบุว่า "อีกเพียง 100 เมตรเท่านั้น" แต่สำหรับผม ต้องขอบอกเลยว่า 1 กิโลเมตรผมยังเชื่อเลยครับ เพราะการเดินทางมายังชั้นนี้จะต้องผ่านทางที่ลาดชัน มีการปีนป่ายขึ้นมา และเดินผ่านบันไดอีกหลายขั้น ซึ่งพวกเราใช้เวลาจากชั้น 6 มายังชั้น 7 นี้ เกือบ 1 ชั่วโมงเลยครับ แต่เพื่อน ๆ อาจจะใช้เวลาน้อยกว่าก็ได้ เมื่อมาถึงชั้น 7 แล้วผมก็ทิ้งตัวลงในน้ำตกด้วยความรู้สึกโล่งสบาย มันเป็นความรู้สึกภาคภูมิใจ ดีใจ และอีกหลาย ๆ ความรู้สึกด้านบวกที่ถาโถมเข้ามา ความรู้สึกนี้แหละครับ คือ พลังที่พวกเราตามหามาทั้งวัน พลังที่จะใช้ต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ในวันข้างหน้า ซึ่งลักษณะของน้ำตกในชั้นนี้ ตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่บอก รูปร่างของหิน จะคล้ายกับหัวของช้างสามเศียร นี่จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกชั้นนี้ครับ เป็นอย่างไรบ้างครับกับน้ำตกเอราวัณ "มรกตในวารี" สถานที่ฟื้นฟูพลังชีวิตและจิตใจ แม้ว่าเราจะใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียงไม่นาน แต่ภาพความทรงจำ ละอองของน้ำ เสียงของน้ำตก แสงของดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านยอดไม้อายุนับร้อยปีที่ลงมากระทบลงบนใบหน้า ความรู้สึกนี้จะตราตรึงลงไปในหัวใจอีกนานแสนนาน ผมหวังว่าเพื่อน ๆ จะลองมาสัมผัสน้ำตกแห่งนี้กันสักครั้งนะครับ แล้วอย่าลืมแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ เหล่านี้ให้กับผมบ้างนะครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ น้ำตกเอราวัณ เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 - 16.30 น. ค่าบริการ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท/เด็ก 50 บาท – ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300บาท/เด็ก 200 ที่ตั้ง : ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี 71250 แผนที่นำทาง : >>> Click <<< ภาพประกอบบทความโดย : เจ้าของบทความครับ