นั่งรถไฟไปน้ำตกไทรโยคน้อย ที่กาญจนบุรี จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย เดินทางโดยขบวนรถพิเศษนำเที่ยว ขบวนที่ 909 (ขาไป) และ 910 (ขากลับ) รถไฟพิเศษนำเที่ยวนี้ จะมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ การซื้อตั๋ว - โทรไปจองที่นั่งที่เบอร์ 1690 หรือ 02-225-6964 ต่อ 5217 ก่อน และไปชำระเงินที่สถานีรถไฟใกล้บ้าน (ที่เป็นสถานีรถไฟออกต่างจังหวัด)ภายในวันถัดไป - ไปที่หน้าตู้จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟใกล้บ้าน (ที่เป็นสถานีรถไฟออกต่างจังหวัด) ค่าบริการ (ผู้ใหญ่และเด็กราคาเท่ากัน) - รถนั่งธรรมดา ชั้น 3 (แบบร้อน) คนละ 120 บาท - รถนั่งปรับอากาศ ชั้น 2 (แอร์) คนละ 240 บาท แอบบอกว่า ตรงเส้นสะพานรถไฟสายมรณะ รถนั่งธรรมดาจะมองเห็นชัดกว่า (ชะโงกทัวร์) แต่คนที่นั่งรถแบบปรับอากาศก็สามารถเดินข้ามไปดูได้เหมือนกัน (แบบเบียด ๆ หน่อย) ตารางเวลา **อิงตามข้อมูลจากทางการรถไฟ ในความเป็นจริงคือเลทกว่าในตารางประมาณ 20-30 นาที หรืออาจจะถึง 60 นาที ในช่วงท้าย ๆ รถไฟออกจากสถานีกรุงเทพ ตอนที่ออกตั๋วมา ในตั๋วจะยังไม่มีเขียนบอกว่าเราต้องไปขึ้นรถที่ชานชาลาหมายเลขอะไร มีแต่เลขขบวนรถของเรา บนตู้จำหน่ายตั๋วจะมีบอกว่ารถของเราจอดอยู่ชานชาลาที่เท่าไหร่ และทางสถานีก็จะประกาศแจ้งด้วยเหมือนกัน เราเลือกนั่งตู้แอร์ชั้น 2 ตู้โดยสารดูดีกว่าที่คิดไว้มาก สะอาด เก้าอี้นั่งสบาย ปรับเอนได้เล็กน้อย มีที่ให้วางของด้านบนหัว แต่พื้นที่วางเท้าน้อยไปหน่อย นั่งนาน ๆ แล้วไม่ได้ยืดขาคือเมื่อยมากกก คนที่นั่งริมทางเดินก็จะโชคดีหน่อย พอจะยื่นเท้าออกไปได้บ้าง แอร์เย็นมาก เย็นจนหนาว ถ้าคนขี้หนาวแนะนำว่าให้พกเสื้อกันหนาวไปด้วยนะคะ อีกอย่างคือ จากสถานีกรุงเทพ กว่าจะถึงสถานีนครปฐมค่อนข้างใช้เวลา ถ้าใครสะดวกพกหมอนรองคอไป ขอให้เอาไปด้วยยยย จะทำให้นอนสบายขึ้นค่ะ อิอิ ขาไปรถไฟออกช้ากว่าที่เขียนไว้ที่ตั๋วประมาณ 20 นาทีเลย T_T สถานีนครปฐม เรามีเวลาเดินช้อปอาหารเช้ากันประมาณ 40 นาที แถว ๆ สถานีรถไฟมีของกินขายตลอดทางเดินเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะอดอยาก มีของกินอร่อย ๆ หลากหลายให้เลือกอยู่เหมือนกัน แต่ทุก ๆ คนมีข้อจำกัดเรื่องเวลา เจ้าหน้าที่ที่ดูแลขบวนรถเลยแนะนำว่าให้ซื้อมาทานบนรถไฟ ในจุดนี้ เราสามารถเข้าไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์ได้เช่นเดียวกัน แต่ด้วยเรื่องข้อจำกัดทางเวลา อาจจะได้แค่ยกมือไหว้ตรงด้านนอก หลังจากเดินเลือกซื้อของกินแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ ก่อนออกรถจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งพร้อมกับเช็คจำนวนผู้โดยสารว่ามากันครบรึเปล่า ตรวจสอบให้แน่ใจจนครบ เราก็ออกเดินทางกันต่อ ใช้เวลาสักพัก นั่งทานอาหาร นั่งชมวิวสองข้างทางกันบนรถไฟไปอีกชั่วโมงกว่า ๆ กว่าจะถึงจุดหมายต่อไป ก็คือสะพานข้ามแม่น้ำแคว สะพานข้ามแม่น้ำแคว พอถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว เจ้าหน้าที่จะให้เวลาพวกเราประมาณเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมง เพื่อลงไปถ่ายรูป เนื่องจากเราเคยมาแล้ว เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ 55555 แต่ถ่ายรูปกับรถไฟก็สวยดีนะ สีรถไฟแจ่มว้าวมากจริง ๆ แถว ๆ นั้นก็มีเสื้อ ของที่ระลึก แล้วก็ของกินขาย ตามพื้นที่ข้างรางรถไฟ ชมทางรถไฟสายมรณะ กว่าจะถึงทางรถไฟสายมรณะก็ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร เจ้าหน้าที่แนะนำว่าถ้าอยากเห็นชัด ๆ ต้องไปชะโงกที่ตู้พัดลม คนที่อยู่ตู้แอร์คือลำบากมาก ยิ่งนั่งฝั่งขวาก็คือมองไม่เห็นเลย นี่นั่งตู้แอร์เลยไม่มีรูปมาเลย ;-; แต่ระหว่างทางวิวดีมาก ทั้งน้ำ ทั้งต้นไม้ :) น้ำตกไทรโยคน้อย ก่อนรถไฟจะเข้าจอดที่สถานีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ผู้โดยสารจัดการเก็บสำพาระที่จะไม่นำลงไปที่น้ำตกไว้บนที่วางของเหนือหัว เพราะเจ้าหน้าที่จะ'กลับที่นั่ง' ก็คือตู้รถไฟไม่สามารถ u-turn ได้ เจ้าหน้าที่ก็เลยต้องกลับที่นั่งให้เราแทน เพราะฉะนั้น คนที่เคยนั่งข้างหน้าเรา ขากลับจะนั่งอยู่ข้างหลังเรา คนที่เคยนั่งข้างหลัง ก็จะมานั่งข้างหน้าเรา หลังจากลงรถไฟก็จะมีรถสองแถวคอยพาเราไปส่งที่น้ำตกอีกที เวลาการเดินทางประมาณไม่เกิน 3 นาทีก็ถึงน้ำตก ค่าโดยสารคนละ 20 บาท เนื่องจากเราไม่เคยมาน้ำตกไทรโยคน้อย และไม่เคยอ่านรีวิว ไม่เคยหารูปดูเลย เคยไปก็แต่น้ำตกเอราวัณที่ใหญ่ และมีหลายชั้นมาก นี่ก็จินตนาการว่าน้ำตกไทรโยคน้อยต้องใหญ่แหล่ะ เดินได้นาน เพราะเจ้าหน้าที่ให้เราใช้เวลาที่น้ำตกหลายชั่วโมง แต่พอไปเห็นจริง ๆ แล้วก็แอบช็อคนิดหน่อย 555 เพราะมีพื้นที่ให้เล่นน้ำน้อยพอสมควร แถมคนก็ค่อนข้างเยอะ (น่าจะมาจากขบวนเดียวกันนี่แหล่ะ) ถ้าจะถ่ายรูปในมุมสวย ๆ แบบไร้คนก็จะยากนิดนึง แต่บอกเลยว่าห้องน้ำตรงน้ำตกน่ากลัวมาก เป็นห้องน้ำเก่า ๆ ประตูสังกะสี ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าไม่จำเป็นอยากให้เข้าห้องน้ำจากที่อื่นมาก่อน หรือไม่ก็หาคนไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน ช่วยเฝ้าตรงประตูก็ยังดี เพราะห้องน้ำไม่ค่อยมิดชิดเท่าไหร่ ฝั่งตรงข้ามน้ำตกก็จะมีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ แล้วก็ร้านขายขนมของฝาก ซึ่งขายเหมือนกันเกือบทุกร้านเลย งงมาก เราเลยเลือกร้านที่ไกลสุด คนน้อยสุด แม่ค้าพูดดี อัธยาศัยดีด้วย :) พอถึงเวลานัด เราก็มารอรถสองแถวเพื่อกลับไปขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพ ที่หน้าน้ำตก จะบอกว่า ใครมาก่อนขึ้นก่อน ไม่มีอยู่จริง! แล้วแต่จิตสำนึกคนจริง ๆ ถ้าเรามาก่อน ขึ้นก่อน ถ้าเรามาทีหลัง อย่าไปแซงเค้านะคะ ;-; ขากลับใช้เวลา 3 นาทีเหมือนเดิม จ่ายคนละ 20 เหมือนเดิมค่ะ ตรงที่รอรถไฟที่นั่งค่อนข้างน้อย แต่ก็จะมีร้านขายอาหาร ให้ผู้โดยสารนั่งกิน แล้วก็มีห้องน้ำให้เข้าใช้เช่นเดียวกัน พอถึงเวลา รถไฟก็จะมาจอดเทียบชานชาลาให้ผู้โดยสารขึ้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ ความจริงแล้วตามแพลนเที่ยว เราต้องได้แวะสุสานทหารพันธมิตรใกล้ ๆ สะพานข้ามแม่น้ำแควด้วย แต่ด้วยช่วงเวลาที่ไม่อำนวย เพราะเราออกช้ากว่าเวลาค่อนข้างมาก กว่าจะกลับมาที่สุสาน ก็ปิดแล้วเรียบร้อย ก่อนจะนั่งรถยาวกลับกรุงเทพก็มีที่ให้แวะดื่มน้ำก่อนที่ป้ายหยุดรถสะพานแควใหญ่ ที่นี่มีทั้งขนม น้ำ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขาย รวมถึงน้ำอัดลมและน้ำหวานแบบ รีฟิล!! แก้วละ 20 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) เติมได้ไม่อั้น สถานีถัดไปก็มีที่ให้เราเข้าห้องน้ำก่อนเดินทางกลับแบบยาว ๆ เหมือนกัน ถึงกรุงเทพ ช้ากว่าเวลาที่แจ้งค่อนข้างมาก เพราะขากลับแวะจอดให้ผู้โดยสารลงหลายสถานีก่อนถึงหัวลำโพง ค่าที่จอดรถที่สถานีรถไฟหัวลำโพงค่อนข้างโหดพอสมควร ถ้าใครคิดจะขับรถไปทิ้งไว้ที่สถานี ต้องทำใจกับค่าจอดรถนิดนึง โดยค่าจอดรถคิดเป็นราคาเหมา 1 วัน 300 บาท ขอบคุณทุก ๆ คนที่อ่านจบมาถึงตรงนี้นะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนคอนเทนท์มือใหม่ด้วยนะคะ หากผิดพลาดตรงไหน แนะนำกันมาได้นะคะ :) นอกจากเขียนคอนเทนท์ลง true id แล้ว ยังมี Instagram ชื่อว่า panggogreen ให้ติดตามด้วยยยย ในนั้นจะแชร์ eco-friendly lifestyle ของเราเอง ฝากด้วยนะคะ มาร่วมกันช่วยโลกไปด้วยกันค่ะ <3 panggogreen