แพลนการเดินทางของเราเริ่มจากความอยากลองนั่งรถไฟ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งจะเคยนั่งรถไฟ EV เที่ยวรอบยุโรปแต่ยังไม่เคยนั่งรถไฟไทยเลย Thai Train First Time! เราเลยกดโทรศัพท์ไปถามการรถไฟ 1690 ว่า ค่ารถไฟไปลง สถานีน้ำตกราคาเท่าไรคะ 39 บาททท เพียง 1.50 USD เราก็สามารถไปถึงกาญจนบุรีได้แล้ว เรานั่ง MRT ไปลงสถานีบางขุนนนท์ เพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานีกรุงธนบุรี รถไฟเริ่มแล่น ปู้น...ปู้น ด้วยงบ 39 บาทนั้น จากสถานีกรุงธนบุรี เวลาประมาณ 7.30 น. จนมาถึงสถานีน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ ถึงสถานีน้ำตก12.50 น.ค่ะ ข้อดีของการได้นั่งรถไฟเที่ยว คือ การได้ชมธรรมชาติอย่างเพลิดเพลิน ได้นั่งเม้ามอยกับเพื่อนไปตลอดทางแถมยังได้มิตรภาพระหว่างทาง แล้วยังทำข้าวกล่องอร่อยๆ ไปทานบนรถไฟได้ด้วยค่ะ Death Railway เส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่มีประวัติอันน่าสนใจและก็น่าเศร้าอย่างมาก มีเรื่องเล่าว่าทหารญี่ปุ่นได้พยายามสร้างทางรถไฟนี้โดยการจับเชลยศึกชาติต่างๆมาสร้างรางรถไฟนี้ จะเห็นว่าหน้าผาค่อนข้างสูงชันมากและหมอนรถไฟทำด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ ในสมัยนั้นไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย ลองคิดดูว่ากว่าจะแบกขึ้นมาสร้างได้แต่ละท่อนได้คร่าชีวิต 1 ชีวิตต่อ 1 หมอนรางรถไฟเลยนะคะ ปัจจุบันนี้ก็ได้รับการทำนุบำรุงรักษาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เดิมที่น่าประทับใจอย่างมาก หากใครจะแวะเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรีก็สามารถที่จะลงที่สถานีถ้ำกระแซนี้ได้ค่ะ และก็นั่งรถสองแถว 20 บาท ไปลงที่หน้าสถานีตำรวจ แล้วก็เดินไปรอรถเมล์แดง ไปสังขละบุรี ประมาณ 13.30 น. รถก็มา ราคา 170 บาท นั่งจนเมื่อยค่ะ ประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นรถบัส 2 ชั้น ในระหว่างทาง จะมีการแวะตรวจบัตรประชาชนในแต่ละด่านด้วยค่ะ ขากลับเราเลือกที่จะกลับรถตู้ค่ะ 175 บาทค่ะ สามารถขึ้นได้ที่ตลาดเลยค่ะ และยังสามารถแวะเที่ยวน้ำตกไทรน้อยได้ด้วยค่ะ ถ้าเพื่อนๆ จะไปลงทองผาภูมิเพื่อจะไปอีต่อง ก็สามารถลงที่ทองผาภูมิได้ แต่นั่งไปอีกนิดรถก็จะจอดที่สังขละบุรีพอดี เราพักดี Ohdee hostel ซึ่งสถานีรถแดง อยู่หน้า Hostel พอดี ข้างๆ กับ ไปรษณีย์สังขละบุรี ตลาดถนนคนเดินก็อยู่ซอยถัดไปค่ะ สะพานมอญก็เดินลงไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือจะเลือกนั่งวินมอไซต์ หรือซาเล้งของชาวบ้าน คนละ15 - 20 บาทเท่านั้น สำหรับตอนเช้าก็จะมีชุดตักบาตรประมาณ 100 - 150 บาท พร้อมชุดมอญให้ใส่ค่ะ แต่จะต้องตื่นประมาณตี 5 ค่ะ เพื่อเดินข้ามไปฝั่งสะพานมอญ หากไปในช่วงเทศกาลนะคะ คนจะเยอะมากๆค่ะหากจะเป็นช่วงเทศกาลหรือช่วงวันหยุดยาวค่ะ หมู่บ้านชาวมอญ จะแบ่งเป็น สามเชื้อชาติ ชาวมอญ ชาวพม่า และชาวกระเหรี่ยง และอีกฝั่งนึงจะเป็นฝั่งไทยค่ะ ของฝากก็มี ขนมงาดำอัดแท่ง กระเป๋าแฮนเมดใบละ 20 บาท น่ารักดีนะคะ ช่วยสนับสนุนสินค้าชุมชนชาวมอญค่ะ Unseen มากเลยนะคะ ตอนเราไปถึงก็ใกล้จะพลบค่ำแล้ว บรรยากาศพอได้ไปเห็นสะพานไม้ที่มีขนาดใหญ่ สูงมากๆ และเรารู้สึกด้วยว่าจะมีความโยกเยกถ้าลมแรงๆ เราไปช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่น้ำลดพอดี เราก็จะได้เห็นพื้นที่โล่งๆ ที่เคยเป็นโรงเรียน หมู่บ้าน อำเภอสังขละบุรี และวัดที่จมน้ำได้อย่างสบายเลยค่ะ มีเรือบริการนั่งล่องเรือ เหมา 500 บาท 3 วัด ไปชมวัดหลวงพ่ออุตตมะ วัดสมเด็จ เป็นวัดไทยวัดเดียวที่ไม่จมน้ำนะคะ ที่หน้าวัดปกคลุมไปด้วยต้นโพธิซึ่ง เค้าว่ากันว่าจะต้องเคาะที่หน้าทางเข้าประตู เพื่อขออนุญาตก่อนเข้าไปไหว้พระพุทธรูปที่ด้านในนะคะ นับว่าก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมอญที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและจิตใจ ซึ่งหากเราไปท่องเที่ยวขอให้เคารพสถานที่และรักษา ความสะอาดด้วยนะคะ ธรรมชาติและความสวยงามอันมีคุณค่านั้น จะได้อยู่กับเราไปนานๆนะคะ มองลงไปจากสะพานมอญ บรรยากาศวิถีชีวิตริมแม่น้ำแควน้อย ยามพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเป็นสีชมพูอมม่วง พร้อมกับลมพัดเย็นอ่อนๆ ชวนให้เหงาคิดถึงและรอผู้มาเยี่ยมชมสเน่ห์แห่งความสวยงาม ที่เรียบง่ายอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ณ เมียะ เงอะ ระ อาว @สะพานมอญ ยินดีที่เราได้พบกันค่ะ ^^ เครดิตภาพโดย: นักเขียน Icecream_Sunday