โจทย์สำคัญของเมืองท่องเที่ยวทั้งหลายประการหนึ่งคือทำอย่างไรให้ความเจริญของเมืองที่กำลังเติบโตจากธุรกิจท่องเที่ยวไม่กระทบกับธรรมชาติและวิถีวัฒนธรรมชุมชนดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมา เพราะตระหนักดีว่าทั้งธรรมชาติและวิถีวัฒนธรรมนั้นคือเสน่ห์ของเมืองที่ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสังขละบุรีคือเมืองหนึ่งที่สามารถจัดการกับโจทย์ดังกล่าวได้อย่างดี ทำให้ทุกวันนี้สังขละบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหนึ่งของเมืองกาญจน์ที่เลื่องชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรม ผู้เขียนไม่ได้เพิ่งเดินทางมาเยือนสังขละบุรีเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้คือรอบที่ 3 ของการมาเยือน เพราะติดใจในความงามและเรื่องราวของเมือง การมาซ้ำ ๆ ทำให้เราได้พบ – เห็น และรับรู้เรื่องราวความประทับใจที่ละเอียดและเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้น ซึ่งการมาครั้งนี้ผู้เขียนมาด้วยใจถวิลหาบรรยากาศธรรมชาติและวัฒนธรรมมอญสังขละบุรีอย่างเต็มที่ ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ที่จะกางเต็นท์นอนให้ใกล้แม่น้ำสามประสบ เพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกที่เส้นของฟ้าหลังภูผาที่มีฉากหน้าเป็นสะพานมอญ และตื่นมาเสพเรื่องราววิถีชีวิตยามเช้าของคนมอญสองฟากฝั่งแม่น้ำ วิวสะพานมอญ (ภาพโดยผู้เขียน) ครั้งนี้ได้ลานกางเต็นท์ที่ “พีเก็สต์เฮ้าส์” ใกล้ริมน้ำสมเจตนาในราคาย่อมเยา 150 บาท ต่อคน (เตรียมเต็นท์มาเองนะครับ) แถมที่ริมน้ำมีท่าเรือและเรือไว้บริการด้วย เรียกว่าสมใจปรารถนาเลยครับ วิวที่นี่ดีมาก ไม่ใกล้สะพานมอญจนเกินไปจนไม่เห็นทิวทัศน์อย่างอื่นและไม่ไกลเกินไปจนมองเห็นสะพานลิบ ๆ มุมมองที่นี่สวยงามและเห็นทัศนียภาพกว้างมาก เพราะที่ตั้งเป็นบริเวณพื้นที่ลานสูงลงไปยังริมน้ำ เรียกว่าสวยสมบูรณ์เหมาะสำหรับซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มที่ ผู้เขียนมาถึงที่นี่ช่วงบ่ายค่อนเย็นแสงแดดอ่อน ๆ พระอาทิตย์กำลังเครื่องลงจะลับเหลี่ยมเข้าในไม่ช้า เป็นภาพสวยงามน่าประทับใจมาก แสงที่ส่องผ่านสะพานมอญค่อย ๆ ลับ ทำให้จากที่เห็นโครงสร้างชัดเจน ตอนนี้เห็นเป็นเงาตะคุ่มเหมือนภาพวาดสีน้ำมัน แสงแดดบางส่วนที่ยังลอดเหลี่ยมเขาต้องไปกระทบพุทธคยาจำลองของวัดวังก์วิเวการามที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่แมกไม้แลเป็นสีทองอร่าม ต่างว่าเป็นแสงแห่งพลังศรัทธาของชาวมอญและชาวไทยที่ร่วมกันสรรค์สร้าง ขณะที่บ้านเรือนชาวมอญอีกฟากฝั่งเริ่มหุงข้าว – ทำอาหาร จุดไฟเตาในครัวควันลอยขึ้นมาเป็นกลุ่ม เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก สะพานมอญยามเย็น กล้อง Zenit 12XP ฟิล์ม Kodak Gold 200 (ภาพโดยผู้เขียน) วิถีชีวิตชาวมอญและวัดวังก์วิเวการาม กล้อง Zenit 12XP ฟิล์ม Kodak Gold 200 (ภาพโดยผู้เขียน) พร้อม ๆ กับแสงสุดท้ายของวัดลับขอบฟ้า เรือของคนที่อยู่เรือนแพต่างมุ่งหน้ากลับ ไม่เหลือเสียงนกร้องให้ได้ยินอีก เวลานี้ทุกอย่างเงียบสงบ ความเงียบที่สุดขนาดที่ว่าเสียงตุ๊กแกจากอีกฝั่งเขาร้องยังได้ยิน เย็นย่ำค่ำแล้ว (ภาพโดยผู้เขียน) เช้ามาอากาศค่อนข้างหนาว หมอกลงขาวไปทั่วบริเวณ พร้อมกับหยดน้ำค้างเกาะเต็มเต็นท์ไปหมด อากาศช่วงนี้ถือว่าดีที่สุด สูดสดชื่นหายใจเต็มปอด เมื่อแสงแรกต้องของฟ้าเป็นสีทองพอเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนขึ้นภาพกลุ่มควันไฟในครัวเรือนชาวมอญอีกฝั่งคือสิ่งแรกที่ปรากฏชัด ขณะที่กิจกรรมต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ผู้คนเริ่มทยอยมาตักบาตรที่สะพานมอญมองเห็นอยู่ไกล ๆ การสัญจรในแม่น้ำเริ่มมากขึ้น แลดูว่าเรื่องราวของวิถีชีวิตยามกลางวันกำลังกลับมาอีกครั้ง เช้ามาบรรยากาศเริ่มคึกคักอีกครั้ง กล้อง Zenit 12XP ฟิล์ม Kodak Gold 200 (ภาพโดยผู้เขียน) หลังจิบกาแฟชมบรรยากาศริมน้ำเรียบร้อยแล้ว สายหน่อได้เวลาเข้าไปซึมซับวิถีวัฒนธรรมชาวมอญแบบใกล้ ๆ เดินข้ามสะพานมอญชมเมืองอีกฝั่ง สะพานมอญยามเดินข้ามนี้ต่างจากที่ดูไกลมาก การต่อไม้ที่แน่นสนิทเรียบและมีจุดให้ชมวิวถ่ายรูปเป็นช่วง ๆ ขณะที่เด็กน้อยชวนเราเอาแป้งแต้มหน้าแบบคนมอญและกระโดดน้ำโชว์ก็มีอยู่ตลอดทาง ข้ามถึงอีกฟากฝั่งมีร้านรวงขายของมากมายทั้งเสื้อผ้า ของที่ระลึก ขบวนแห่ที่แต่งชุดพื้นเมืองหาบกังศดาลประโคมแห่บอกบุญ และพลาดไม้ได้อย่าลืมลิ้มลองขนมจีนน้ำแกงหยวกกล้วยสไตล์ อร่อยเด็ด เข้าไปใกล้ ๆ สะพานมอญ คนคึกคักมาก กล้อง Zenit 12XP ฟิล์ม Kodak Gold 200 (ภาพโดยผู้เขียน) สะพานมอญมุมกว้าง (ภาพโดยผู้เขียน) สะพานมอญมุมกว้าง (ภาพโดยผู้เขียน) การมาสังขละบุรีรอบนี้นับว่าเป็นรอบชื่นชมบรรยากาศจริง ๆ หากใครไม่รีบร้อน หรือเวลาเหลือ ผู้เขียนก็เชิญชวนท่องเที่ยวแบบเชื่องช้าดูบ้างรับรองว่าได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าประทับใจแน่นอน ถ้านึกที่ไหนไม่ออกก็ลองมาที่สังขละบุรีก่อนรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน ข้อมูล สะพานมอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์) อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จากอำเภอเมืองกาญจนบุรี วิ่งตามถนนเส้น 323 ที่พักพีเก็สต์เฮาส์: https://p-guesthouse.com/