วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวกับเพื่อน 3 วัน 2 คืน โดยเราจะเล่าออกมาในรูปแบบของการเขียน "ไดอารี" บอกเล่าเรื่องราวความทรงจำดี ๆ ของเราและผองเพื่อน ขอเกริ่นก่อนว่าทริปนี้มี 8 คน ผู้ชาย 6 คนและผู้หญิง 2 คน สถานที่เที่ยวเลยจะกลาง ๆ ไม่ใช่สายคาเฟ่ถ่ายรูปและไม่ใช่สายลุยป่าเดินขึ้นเขา ทริปกาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน บอกเลยว่าไม่ง่ายที่จะให้เพื่อนทั้งกลุ่มรวมตัวกันไปได้ แต่ถ้ามีความพยายามในการโน้มน้าว(บังคับ)เพื่อนละก็ ทริปไม่ล่มแน่นอน ในเรื่องของค่าใช้จ่ายขอแนะนำให้ตั้งงบคร่าว ๆ และเก็บตังเพื่อนมาก่อน หากจบทริปแล้วเงินเหลือค่อยหารคืน ซึ่งทริปนี้ใช้ตังคนละ 2,500 บาทเท่านั้น บอกเลยว่ากินอยู่สบายตลอดทริป ส่วนเรื่องการเดินทางก็สุดแสนจะสบายเพราะเพื่อนขับรถเป็น ทำให้การไปเที่ยวสนุกมากขึ้นไปอีก หากพร้อมจะอ่านไดอารีความทรงจำของเราแล้ว ก็ไปเริ่มกันเลย Day 1 : ถนน กุ้งเผา เสียงเพลง และบทสนทนาที่ลึกซึ้ง เริ่มต้นวันแรกออกเดินทาง 9 โมงเช้า ระหว่างทางมีแวะซื้อของสดเพื่อจะนำไปปิ้งย่างกัน โดยของทะเลสดอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลานั้น แนะนำให้แวะซื้อที่บางเลน จังหวัดนครปฐม จะมีร้านค้าขายข้างทาง กุ้งตัวเป็น ๆ มีตั้งแต่ราคากิโลกรัมละ 250 - 450 บาท ร้านที่เราแวะซื้อคือ >> ร้านเพชร กุ้งเผา << ของสดมาก คนขายบริการดี เขาเห็นว่าเราไม่กล้าซื้อปลาเพราะว่าน้องปลายังตัวเป็น ๆ พี่แกเลยจัดการปลาให้ทุกอย่างพร้อมนำไปย่าง ค่าใช้จ่ายร้านนี้หมดไป 985 โดยเราซื้อ กุ้งน็อคน้ำแข็ง กก. ละ 250 บาท 1 กก. กุ้งสดตัวเป็น ๆ กก. ละ 350 บาท 1 กก. หมึกกระดองเต่าตัวละ 245 บาท ปลาตัวละ 150 บาท หลังจากนั้นก็แวะซื้อของอื่น ๆ เช่น เนื้อหมู ขนม ของใช้จิปาถะ เครื่องดื่ม รวมแล้วหมดไป 2,457 บาท เมื่อแวะซื้อของเสร็จก็ตรงดิ่งเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ที่พักในคืนแรกคือ >> บ้านแพภูธเนศ เขื่อนศรีนครินทร์ <<&nbsp; บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก เราไปช่วงที่เขาจัดโปรโมชันเลยได้ราคาถูกและคุ้มค่าเกินราคา จ่ายครั้งเดียวจบไม่ต้องเสียเพิ่ม สิ่งที่เขามีให้คือ ฟรีชุดเครื่องเสียง คาราโอเกะ ฟรีกิจกรรมลากแพเปียกเล่นน้ำ ชมวิวตอนเย็น ฟรีน้ำแข็ง1กระสอบ (น้ำแข็งให้เยอะมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะหมด) ฟรีน้ำเปล่า 2 ถัง (ไม่ต้องกังวลว่าน้ำเปล่าจะไม่พอ) ฟรีอุปกรณ์ทำครัว เตาแก๊ส เตาปิ้งย่าง (มีครบทุกอย่าง ไม่ต้องซื้อจานหรือแก้วไปเพิ่มเลย) ฟรีถ่านปิ้งย่าง 1 ถุง ฟรีน้ำมันปั่นไฟตลอดทริป (ดีตรงนี้แหละ บางที่คิดค่าน้ำมันปั่นไฟแยกโดยที่ไม่บอกถ้าหากเราไม่ถาม) ซึ่งที่แพภูธเนศมีทั้งแพแอร์และพัดลมราคาอยู่ที่ 5,500 - 13,000 บาท เจ้าของใจดี สามารถทักไปสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook เลย พอถึงช่วงเวลากลางคืนที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์เบา ๆ เราก็หาเกมมาเล่นกัน โดยมีชื่อเกมว่า "มารู้จักกันให้มากขึ้นกว่าเดิมเถอะ" กติกาคือ ในครั้งแรกให้คิดคำถามขึ้นมา 1 อย่าง เช่น เล่าเรื่องรักแรก และกดสุ่มชื่อ หากโดนใครคนนั้นจะต้องเล่าเรื่องรักแรก เมื่อเล่าจบคนที่เล่าจะตั้งคำถามขึ้นมา แล้วกดสุ่มชื่อ หากโดนใครคนนั้นต้องเล่า วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หากใครอยากนำไปเล่นแล้วไม่รู้จะถามอะไรเพื่อนเราก็มีคำถามมาแนะนำ เรื่องในอดีตที่ทำให้รู้สึกเสียใจ ถ้าเป็นไปได้อยากขอโทษใครในนี้ เล่าความทรงจำดี ๆ ที่มีกับเพื่อนในกลุ่ม หากมีโอกาสอยากขอบคุณใคร เคยโกรธเพื่อนในกลุ่มคนไหน เรื่องอะไร แน่นอนว่าคำถามเหล่านี้ นำพาให้บทสนทนาเราลึกซึ้งขึ้น เราได้มีโอกาสขอโทษและขอบคุณเพื่อน ได้รู้จักเรื่องราวในอดีตที่ไม่เคยรู้มาก่อนของเพื่อนแต่ละคน พวกเรานั่งคุยกันอยู่อย่างนั้นพร้อมกับเสียงกีตาร์และบรรยากาศที่พาให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก Day 2 : ภูเขา น้ำตก ดวงดาว และเสียงหัวเราะ ตื่นเช้ามาในวันที่ 2 อากาศดีสุด ๆ แน่นอนว่าผู้หญิงอย่างเราตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนพวกผู้ชายอยู่แล้ว แต่ยังแต่งตัวไม่ทันไรทางที่พักก็ลากแพพาชมวิวรอบเกาะก่อนจะต้องเช็คเอาท์ บอกเลยว่าตอนนั้นยังแต่งหน้าไม่เสร็จ กระตกที่มีอยู่สะท้อนกับแสงแดดทำให้การแต่งหน้ายากขึ้นไปอีก ในระหว่างนั้นทางเพื่อนผู้ชายที่ไม่ได้ทำอาหารก็ต้องรับบทล้างจาน ทำความสะอาดไป เมื่อแพถึงฝั่งเราก็เก็บของเดินทางไปยังน้ำตกเอราวัณ แต่ก่อนจะไปเราได้แวะกินมื้อเที่ยงที่ >> ร้านครัวเอราวัณ << ร้านนี้อาหารอร่อย ปริมาณที่ให้คือกลาง ๆ ไม่มากและไม่น้อยเกินไป ส่วนตัวคิดว่าแพงไปนิดนึงสำหรับคุณภาพอาหารที่ได้ เราสั่ง ต้มยำปลา 180 บาท ปลาแรดทอดกระเทียม 300 บาท (ตัวใหญ่มาก อร่อยดีแนะนำเลย) ผัดผักกรูด 90 บาท สามชั้นคั่วเกลือ 130 บาท (เมนูนี้แนะนำ อร่อยมาก) ไข่เจียวกุ้ง 70 บาท ยำรวมมิตร 150 บาท ข้าว 2 โถ 140 บาท น้ำแข็ง 20 บาท น้ำเปล่าขวดใหญ่ 2 ขวด 60 บาท รวมแล้วหมดไป 1,140 บาท หลังจากกินอาหารเช้า + เที่ยงไปแล้ว ก็เดินทางไปน้ำตกเอราวัณ เสียค่าเข้า 460 บาท หากใช้บัตรนักศึกษาจะได้รับส่วนลด 50% (คนละ 50 บาท + รถคันละ 30 บาท) เราที่ไม่เคยมาน้ำตกเอราวัณ ก็ไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องเดินขึ้นเขา เพื่อนพาเดินขึ้นไปจนถึงชั้น 5 เล่นเอาที่กินไปเมื่อคืนเผาผลาญหมดเลย จึงได้ตกลงกันว่าใครอยากขึ้นไปต่อก็ขึ้นใครอยากพักอยู่ที่ชั้น 5 ก็พัก แน่นอนว่าเราหมดแรงจะก้าวขาขอยอมแพ้ค่ะ ถ่ายรูปสวย ๆ รออยู่ตรงนี้ละกัน หลังจากที่ถ่ายรูปอยู่ชั้น 5 สักพักก็เดินลงไปเล่นน้ำที่ชั้น 2 จนถึง 16:30น. เขาก็ไล่ให้กลับ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินทางไปที่พักคืนที่ 2 นั้นก็คือ >> บ้านแพบาดาลสุข << ที่พักสวย อากาศดี มีเรือให้พายเล่น ตอนกลางคืนสามารถนั่งดูดาวได้ตรงท่าเรือที่ยื่นออกไป บรรยากาศดีมาก สามารถสั่งอาหารให้เขามาส่งในที่พักได้ เจ้าของก็ใจดี ป้าแกเดินเอากล้วยที่ปลูกไว้มาให้ด้วย น่ารักสุด ๆ โดยราคาเริ่มต้นที่ห้องละ 1500 นอนได้ 1 - 3 คน สามารถโทรไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยลุงแกใจดีมาก เบอร์โทร 0898201256 Day 3 : แสงแดด ร้านอาหาร สะพานข้ามแม่น้ำแคว และโลกความจริง ตื่นเช้ามากับวันที่ 3 วันสุดท้ายของทริปนี้ ต้องเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว ที่เขาบอกกันว่า "เวลาไปเที่ยวมักผ่านไปเร็วเสมอ" นี่มันจริงสุด ๆ ไปเลยและยังเป็นเหมือนกับการหนีโลกแห่งความจริงมาอยู่ในโลกของความฝัน เราอาบน้ำแต่งตัว เช็คเอาท์ออกประมาณเที่ยง และแพลนในตอนแรกคือสะพานข้ามแม่น้ำแคว แต่แล้วแพลนเราก็กลับพังไม่เป็นท่าเพราะหลงเข้าไปใน >> ร้านคีรีมันตรา << เนื่องจากเราหารีวิวร้านอาหารแถวสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้วเจอแนะนำร้านนี้ อีกทั้งราคาอาหารก็อยู่ในราคาที่รับได้ แต่เมื่อขับรถไปถึงร้านก็พากันตะลึงอยู่พักนึง เพราะร้านหรูมาก มองแล้วรู้สึกว่าต้องแพงแน่ ๆ ในตอนนั้นงบค่าอาหารเหลืออยู่แค่พันนิด ๆ เราเลยลังเลว่าจะกินร้านนี้หรือไปกินที่อื่น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าร้านไปด้วยเหตุผลว่า "ไหน ๆ ก็มาแล้ว" พอเปิดดูเมนูราคาก็แรงจริง แต่ส่วนตัวเราคิดว่าราคานี้กับคุณภาพอาหาร การบริการที่ดีเยี่ยม วิวที่ได้รับ มันคุ้มค่าเกินราคามาก เราสั่ง ไข่เจียวหมูสับ 85 บาท (ไข่ 3 ฟอง) ยำตำลึงกรอบ 95 บาท (เมนูนี้แนะนำมาก อร่อยเว่อ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มอะไรไม่รู้ รู้แค่ว่ามีกะทิ ) ปลากระพงทอดน้ำปลา 395 บาท (ปลาตัวใหญ่ เนื้อแน่น อร่อยมาก เทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าไม่แพงมาก) ลาบหมูกรอบ 180 บาท แกงส้มชะอมไข่กุ้งสด 280 บาท (ชะอมไข่คือชิ้นใหญ่มาก น้ำแกงส้มเข้มข้นอร่อยมาก) ข้าวเปล่า 3 โถ 225 บาท น้ำแข็ง 80 บาท น้ำแร่ธรรมชาติ 5 ขวดเล็ก 150 บาท รวมแล้วหมดไป 1,490 บาท อยู่คุ้มมาก เข้าไปกินอาหารตั้งแต่ 13:00 น. กินเสร็จถ่ายรูปกว่าจะได้ออกจากร้านก็เกือบ 5 โมงเย็น ! มุมถ่ายรูปเยอะมากกกก แต่ละมุมก็สวย ๆ ทั้งนั้น และเมื่อเราออกจากร้านก็มุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพ สถานที่แห่งโลกความเป็นจริง บอกเลยว่าทริปนี้เป็นทริปที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีมาก ไม่รู้ว่านี่จะเป็นทริปแรกและทริปสุดท้ายหรือเปล่า แต่หากมีโอกาสก็อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ อีกครั้ง ถ้ามีทริปที่ 2 รับรองว่าจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกแน่นอนค่ะ หวังว่าบทความกึ่งไดอารี่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ นะคะ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทริปนี้ก็สามารถทักมาพูดคุยกันได้ค่ะ IG >> aom_s15 Facebook >> Aomsin Saitan Kittibullungkul รูปภาพทั้งหมดในบทความนี้ถ่ายเองโดยนักเขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !