ใครบางคนเคยพูดแกมเย้ยหยันว่ายิ่งแก่ยิ่งฟังเพลงเก่า คือจะฟังย้อนจากช่วงวัยเราไกลขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนั้นพอได้ยินในใจมันค้านว่าไม่เห็นจะเกี่ยวเลย จนวันนี้ที่มีความแก่กับตีนกาเป็นของตัวเอง อารมณ์ถวิลหาอดีตมันมากขึ้น ให้ตามเพลงใหม่ ๆ ก็ไม่ทันเสียแล้ว ในเพลย์ลิสต์มันก็เลยมีแต่ ทูล ทองใจ กับ The Beatles แม้ว่าจริงแล้วผมจะเกิดไม่ทันช่วงเวลาของพวกเขา แต่ด้วย Gen ของผู้เขียนที่อยู่ในรอยต่อของบั้นปลาย ยุค'70 และมนต์เสน่ห์ของซุ่มสำเนียงแอนะล็อก ที่มีความไม่สมบูรณ์ในการบันทึกเสียงเวลาฟังมันจะมี Noise เสียงดังกรอบแกรบ ๆ คล้ายแมลงสาบเดิน หรือใครแอบไปเกาลำโพง นั่นแหละยิ่งถูกใจ เพราะสมัยนี้บันทึกแบบ Digital ไปเสียหมดอะไรไม่อยากได้ก็เขี่ยออกด้วยโปรแกรม (มิตรรัก นักเพลงรุ่นใหม่อย่าว่ากันนะ ความเห็นส่วนตัว)ขอบคุณภาพจาก www.pixabay.com สำหรับทูล ทองใจนั้นเมื่อสมัยเด็กจะได้ยินดังลอยมาจากรถขายกับข้าว แล้วเราก็จะวิ่งมารอเพราะรู้ว่าจะต้องมีขนมอร่อย ๆ เป็นแน่ ส่วน The Beatles ก็มีโอกาสได้ฟังจากเครื่องเล่นสเตอริโอสุดเท่ของน้า (ทันสมัยสุดยุคนั้น) ที่นับว่ามีรสนิยมหูที่ดีกว่าคนอื่นในละแวกบ้าน เราจึงได้ฟังทั้ง ๆ ไม่รู้ภาษา จวบจนวันนี้ ที่โลกของการฟังเพลงเปลี่ยนไปอยู่ใน แอป เช่น You Tube , Spotify , Joox เพลงนับล้านมีให้เลือกตามใจ ทำให้เราได้กลับมาฟังสี่เต่าทองอีกครั้งด้วยวัยและประสบการณ์ที่มากขึ้น ความอินอารมณ์ร่วมก็ยิ่งเพิ่ม ในทุกเช้ามืดอันเงียบสงบผู้เขียนตื่นขึ้นจากหลับใหล เป็นช่วงเวลาอันดีที่จะคิดงานต่าง ๆ เพราะสมองได้รับการ Refresh มาใหม่ ภาวะแบบนี้กาแฟดำขม ๆ สักถ้วย กับเพลงฟังสบายช่วยเพิ่มพลังทำงานได้อักโข เมื่อปุ่มเพลย์เริ่มทำงาน เพลงของสี่เต่าทองเริ่มตั้งแต่ "Let it be" ปล่อยมันไปซะบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร "Yesterday" ความเจ็บวันวาน ความรักจากใครบางคน เรียงร้อยผ่านโสตประสาท จนมาสะดุดที่อันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงในใจเราตอนนี้ก็คือ “Across the universe” ที่ จอห์น เลนนอนได้แรงบันดาลใจจากการมองเห็นภรรยาตัวเอง และพูดถึงความรัก ชีวิต ความเชื่อ ศรัทธา ที่ยิ่งใหญ่ เวียนว่ายและล่องลอยข้ามจักรวาลอันแสนไกล ด้วยปรัชญาล้ำลึก ทำให้เพลงนี้กลายเป็นอมตะ ถูกนำไปร้องมากมายไม่แพ้เพลงดังอื่น ๆ เราหลับตาล่องลอยไปกับบทเพลงนี้ ในช่วงเวลาสามนาทีกว่า ตีความทุกถ้อยคำในเพลงด้วยเรื่องราวและริ้วรอยของชีวิตที่ผ่านมา "Jai Guru Deva" อาจจะหมายถึง เทพทุกองค์มาจากความเชื่อ ศรัทธา เหล่านี้ก่อร่างเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ที่ผู้คนหวังใช้นำพาหลุดพ้นจากการเวียนวนใน "ทุกขจักรวาล" อันกว้างใหญ่ไพศาลสู่ความสุขอันนิรันดร์ขอบคุณภาพจาก www.pixabay.com แต่ยังมีสิ่งพิเศษสำหรับเพลงนี้ที่ไม่หมือนใครอีกอย่างคือ ถอยหลังไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2557 ได้มีการส่งสัญญาณเสียงเพลง “Across the universe” นี้ ผ่านเครือข่ายอวกาศ ไปยังดาวในกลุ่มดาวเหนือ ดาวหมีเล็ก ที่อยู่ห่างจากโลกของเรา 431 ปีแสง พุ่งไปด้วยความเร็ว 299,338 กิโลเมตรต่อวินาที เหมือนกับตั้งใจจะให้เพลงนี้ข้ามจักรวาลไปได้จริง ๆ นับจนถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเดินทางไปอยู่ ณ จุดใดแล้ว สมมุติถ้ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ด้วยภูมิปัญญาสูงส่ง อาจจะเข้าใจความหมายของเพลงได้ถ่องแท้กว่าเรา และเดินทางข้ามจักรวาลอันไกลโพ้นมาหาในสักวัน เพราะความรักมันยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่มนุษย์แต่เป็นของจักรวาลทั้งมวลขอบคุณภาพจาก www.pixabay.comขอบคุณภาพปกจาก www.unsplash.com