"พระสมเด็จเกษไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรไทยใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน" คำขวัญนี้เป็นคำขวัญประจำจังหวัดอ่างทอง โดยท่อนท้ายสุดพูดถึงเมืองสองพระนอน ซึ่งจะเป็นที่ที่ผมอยากจะแนะนำให้ใครก็ตามที่มาจังหวัดอ่างทองแล้วลองได้ไปเยี่ยมชมและมาสักการะหนึ่งในพระนอนตามคำขวัญประจำจังหวัดดู นั่นก็คือ พระพุทธไสยาสน์ที่วัดป่าโมกวรวิหาร สำหรับบทความนี้ผมอยากจะเชิญชวนทุกคนให้ลองมาไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอ่างทองกันที่วัดป่าโมกวรวิหาร โดยวัดนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลป่าโมก อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ไม่ไกลจากตัวเมืองป่าโมกมากนัก แค่ไม่กี่กิโลเท่านั้นเอง แถมยังตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของวัดป่าโมกวรวิหารนั่นก็คือ พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่มีความงดงามมากองค์หนึ่งของประเทศไทย นอนตะแคงขวาแบบสีหไสยา โดยมีความยาวถึง 22 เมตร ตั้งแต่พระเมาลีถึงพระบาท ก่อสร้างจากอิฐและปูนปั้น ลงรักปิดทองทั้งองค์ เมื่อเข้ามาในบริเวณวิหารพระพุทธไสยาสน์นั่นจะมีจุดไหว้สักการะรูปจำลองพระพุทธไสยาสน์อยู่ สามารถไปร่วมบุญดอกไม้ธูปเทียนทองมาเพื่อไหว้สักการะก่อนได้ (สำหรับการถวายดอกไม้ธูปเทียนให้บูชาที่บริเวณด้านหน้าวิหาร ส่วนแผ่นทองให้ไปปิดที่พระพุทธไสยาสน์ด้านในได้) โดยมีบทบูชาพระพุทธไสยาสน์ตามป้ายด้านหน้ารูปจำลองเลย หรือถ้าใครพาผู้สูงอายุไป ก็มีเก้าอี้ให้นั่งสวดบูชาพระได้ โดยไม่ต้องลงไม่นั่งกับพื้น หลังจากไหว้พระด้านหน้าเสร็จแล้ว ก็ต้องไปปิดทองบูชาพระพุทธไสยาสน์ด้านในวิหาร ชมความงดงามและความสวยงามของพระนอนด้านใน สันนิษฐานว่าพระพุทธไสยาสน์รูปนี้ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยสุโขทัย มีตำนานเล่าว่าพระพุทธไสยาสน์ได้ลอยน้ำและมาจมลงอยู่หน้าวัดราษฎรบวงสรวง แล้วได้ถูกชักลากขึ้นมาไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างการเดินเยี่ยมชมองค์พระพุทธไสยาสน์ ก็มีเจ้าหน้าที่ของวัดได้บรรยายและให้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธไสยาสน์และวัดป่าโมกวรวิหาร รวมไปถึงเชิญชวนทำบุญกับทางวัด บริเวณหนึ่งของวิหารมีภาพวาดการเคลื่อนย้ายพระพุทธไสยาสน์จากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามายังวัดป่าโมกวรวิหาร ที่ดูแล้วในสมัยนั้นต้องอาศัยการร่วมแรงรวมใจกันของชาวบ้านและภาคส่วนต่างๆ แสดงถึงความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา โดยภาพนี้วาดโดยอาจารย์ประสิทธิ์ สุดสอน หลังจากไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถไปที่บริเวณแพปลาหน้าวัดป่าโมกฯได้ เดินไปชมบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สัมผัสความสงบเรียบง่ายของต่างจังหวัด อากาศลมพัดมาเย็นๆมากระทบตัว ถ้าลงมาที่แพปลาหน้าวัดแล้ว ก็สามารถซื้ออาหารปลาที่บริเวณในแพมาให้ปลาได้ หรือไม่อย่างนั้นก็มานั่งริมแพ ชมเหล่าฝูงปลาว่ายน้ำไปมา แถมยังสามารถเอาช่วงเวลานี้เป็นเวลาของครอบครัวก็ได้ โดยการมาทำความรู้จักปลาสายพันธุ์ต่างๆ ที่แหวกว่ายบริเวณริมแพ สรุป วัดป่าโมกวรวิหารนั้นเป็นวัดหนึ่งที่แนะนำให้มาเยี่ยมชมเมื่อมาจังหวัดอ่างทอง ไหว้พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ชมภาพวาดและลวดลายศิลปะสมัยอยุธยา ณ วิหาร ชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา และให้อาหารแก่ฝูงปลาจำนวนมาก (ขอฝากความรู้สึกของผมอีกหน่อยนะครับ สมัยก่อนที่ผมเคยมาวัดป่าโมกฯ จะมีทั้งนักท่องเที่ยว นักเรียนนักศึกษา คนที่มาทำบุญ มากันเยอะกว่านี้มาก แต่ตอนนี้วัดป่าโมกฯดูเงียบเหงาลงไปเยอะ ก็อยากจะเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวกันเยอะๆนะครับ ทางวัดและชาวบ้านที่มาค้าขายจะได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง)