อื่นๆ

ใครอีกคน : ความฝัน ความจริง หรืออะไร ??

372
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ใครอีกคน : ความฝัน ความจริง หรืออะไร ??

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน แม้ฮาโลวันจะผ่านไปแล้ว แต่วันนี้ก็ยังมีความสยองมาเล่าให้ฟังต่อ นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับผู้เขียนเอง แต่ต้องขอออกตัวว่า ไม่เชื่อเรื่องผี ถ้าเป็นวิญญาณบรรพบุรุษ หรือญาติที่ตายมาหา อันนี้เชื่อ แต่ผีอื่นๆ เราไม่เชื่อ ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องแปลกๆ เราก็มักจะหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาหักล้าง แต่มันก็ไม่จบไม่สิ้น จนเป็นคำถาม ถามตัวเองว่า นี่มันคืออะไร? กันแน่ เรื่องราวมันเป็นอย่างไรนั้นมาหาคำตอบกันเลยจ้า


1Cr.: https://zanaposh.com/is-it-really-demon-or-sleep-paralysis/

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงอายุ 20 ปี ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด ปัจจุบันนี้หากคุณ เซิร์ท google ถามหา คอนโดย่านปากเกร็ดผีดุ มันก็จะขึ้นแฮชแท็กชื่อคอนโดนั้นขึ้นมาเลย

เอาละค่ะ จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุ 18 ปีแล้ว แต่ไม่หนักอะไรขนาดนั้น ก่อนหน้านั้นมันเพียงแค่ฝันเห็นคนตาย คนไม่รู้จักตาย หรือยืนอยู่ในงานศพใครก็ไม่รู้เฉยๆ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์คนกระโดดตึกฆ่าตัวตาย มันก็เริ่มหนักขึ้น

Advertisement

Advertisement

ห้องของเรามีทั้งหมด 3 ห้อง กับ 1 โถงใหญ่ ห้องใหญ่เป็นห้องของแม่ ห้องขนาดกลางไว้เก็บของ เราชอบนอนพื้นที่เล็กๆ เลยเรื่องนอนห้องเล็กสุด ปัญหาคือเตียงนอนของเราไม่สามารถหันขวางประตูได้ และปลั๊กไฟก็อยู่ฝั่งที่ไม่มีประตู ไม่อยากเอาเตียงไปบัง เลยเลือกดัน "เตียงตรงกับประตู" คนโบราณมักชอบบอกเราว่า อย่านั่งขวางประตู อย่านอนตรงประตู ทางผีผ่าน แต่ก็อย่างที่บอกเราไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

มันเริ่มจากการฝันที่ปกติมันไม่น่ากลัว กลายเป็นความฝันที่น่ากลัว ยกระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่หลายๆคนเรียกว่า "ผีอำ" ในช่วงแรกๆมันแค่ ขยับตัวไม่ได้ แต่รับรู้ได้ถึงความตื่นตัว และพยายามบอกตัวเองตามหลักวิทย์ว่า "สมองตื่นแต่ร่างกายไม่ตื่น ไม่มีอะไรหรอก" พยายามไม่ดิ้นรน แต่บางทีมันก็นานเกินไป "หลับซิ หลับต่อ ไม่ก็ตื่นซะ" ก็พยายามบอกตัวเองเพื่อให้สงบ ช่วงแรกๆมันก็สงบค่ะ บ้างก็หลับต่อ บ้างก็ตื่นเลย เป็นแบบนี้แทบทุกคืน ยกระดับความหนักและแปลกจนไม่สามารถหาเหตุผลมาแย้งไปเรื่อยๆ

Advertisement

Advertisement

เราเป็นคนนอนดึกมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว วันหนึ่งเรานั่งเล่นเกมส์ ซึ่งก็ดึกมากๆ น่าจะประมาณราวๆ ตีหนึ่งได้ ใส่หูฟังเล่นเกมส์ รู้สึกเหมือนได้ยินคนเคาะประตู ไม่ค่อยแน่ใจเลยถอดหูฟังออก ตั้งใจฟัง เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก 2-3 ครั้ง ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าข้างห้องแกล้ง (เพราะไม่ค่อยถูกกัน นางชอบเปิดเพลงเสียงดัง เราชอบเขียนด่าใส่กระดาษเอาไปแปะหน้าห้อง)

เมื่อเป็นคนไม่เชื่อ และไม่กลัว เลยเดินไปหน้าห้อง ซึ่งห้องเราจะตรงระนาบกลับประตูห้องใหญ่เลย เดินออกไปตรงๆ ก็ถึงเลย เมื่อไปถึง เราหยุดยืนฟังอีกครั้งถ้าดังจะเปิด เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันคือหน้าห้องเรา ในใจมีคนแกล้ง หรือพ่อมาว่ะ เลยเปิดออกไป ในใจตอนนั้นไม่ได้ถามว่า "ใคร" เพราะก็แอบเชื่อเรื่องที่เขาว่ากันว่า กลางคืนห้ามทัก

แอ๊ดดดดดด.... ประตูเปิดออกพร้อมความว่างป่าว และความตกใจของเรา เพราะเสียงมันดังหน้าห้องชัดมาก เป็นเสียงเคาะประตูไม้ แต่ที่หน้าตกใจกว่าไม่มีใครอยู่หน้าห้องคือ ห้องเรามีประตูเหล็กดัด .... แล้วเสียงเคาะประตูไม้คืออะไร? ถึงตรงนี้พิมไปขนลุกไปนะคะท่านผู้อ่าน

Advertisement

Advertisement

เราเดินเข้าไปปลุกแม่เพื่อถามว่า "แม่พ่อมาป่ะ" แม่ตอบมาว่า "พ่ออยู่เวรคืนนี้" ณ ตอนนั้น โอเคไม่ใช่พ่อมาเคาะห้องแล้วเดินหายไปไหนแน่ๆ ถ้าเป็นข้างห้องแกล้งช่วงจังหวะเคาะแล้วเปิด มันต้องมีเสียงรีบวิ่ง เราเดินกลับเข้าห้องนอนพร้อมความว่างเปล่าในหัว ผ่านไปหลังจากนั้น เราได้รับอุบัติเหตุต้องเข้าเฝือกอ่อนที่ข้อเท้า เเล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นอีก มีคนเคาะห้องแต่ไม่มีใครหน้าห้อง ตอนนั้นโกรธมาก เพราะต้องเดินไปพร้อมไม้ค้ำยัน อย่างยากลำบาก ห้องก็ถูกเคาะอยู่เรื่อยๆ และหยุดเคาะตอนเราไปถึงหน้าห้อง และมีเพียงความว่างเปล่าหน้าห้อง แต่ครั้งนี้ประตูเหล็กไม่ได้ปิด ด้วยความโกรธเลยด่ากราดใส่ความว่างเปล่า "มึงสนุกนะรึไง กูขาเจ็บอยู่ ต้องลุกมาเพราะมึงแกล้งเนี่ย" .... ด่าใครก็ไม่รู้ หรือด่าผีไปก็ไม่รู้

2Cr.ภาพ : https://www.pinterest.com/pin/142567144437459836/

คืนนั้นหลับไป แล้วฝันว่า ลุกไปปิดหน้าต่างห้องแล้วหันไปมองห้องตรงข้ามซึ่งมีผู้หญิงน่ากลัวยืนแสยะยิ้มอยู่ แล้วสะดุ้งตื่น พร้อมกับเสียงฝนและเหมือนฝนจะสาดผ้าม่านอยู่ เลยลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง ระหว่างเดินกะเผลกๆ พร้อมไม้ค้ำยัน ก็นึกถึงความฝัน ที่ลุกไปปิดหน้าต่าง แล้วเจอผู้หญิงคนนั้น ตัดสินใจเดินต่อไปปิด แต่ไม่เงยหน้ามองห้องอื่นๆ และกลับมาหลับต่อ

ผ่านไปจนเอาเฝือกอ่อนออก กลับมาอยู่ห้องพร้อมความว่างเปล่า เพราะยังไม่หมดวันลาพัก และน้องสาวปิดเทอมเลยมาอยู่ด้วย ก็หลับไปในช่วงกลางวัน หลับอยู่ที่โซฟานอกห้อง รู้สึกถึงความอึดอัดขณะหลับ และรู้สึกตัวแต่ขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว คร่าวนี้รู้สึกถึงความอึดอัดแบบสุดๆ เหมือนอะไรหนักๆ ทับหน้าอกทับคอ "หายใจไม่ออก" วิทยาศาสตร์บอกว่า กล้ามเนื้อไม่ตื่นแต่สมองตื่นไม่มีอะไรหรอก....ไม่มีอะไรจริงๆ หรอว่ะ .... พยายามจะหลับ แต่มันหลับไม่ลงเพราะมันหายใจไม่ออก สวดมนต์ ไม่เชื่อนะจ๊ะไม่เชื่อแต่สวดมนต์ แผ่เมตตา สวดทุกอย่างที่จำได้ มันไม่หายไป

"เจ็บ" พูดกับตัวเองว่าเจ็บ .....แต่ตกใจสุดขีดเพราะได้ยินเสียงหัวเราะ เป็นเสียงผู้หญิงหัวเราะแบบสะใจมากๆ ตอนนั้นสติหลุดไปเลย เรียกน้องสาว ในตอนนั้นเราก็ว่าเราเรียกดังมากๆ นะ แต่ไม่มีผลอะไร เลยพูดว่า "เดี๋ยวทำบุญไปให้" แล้วก็หลุดออกจากภวังค์นั้น ลุกขึ้นพรวดตามแรงที่เราพยายามดิ้นลุกออกจากโซฟา เหมือนคนตื่นและเด้งออกจากที่นอนพร้อมๆกันอย่างฉับพลัน ยืนมองโซฟานด้วยใจเต้นรัว แล้วเดินหน้าเหวี่ยงไปหาน้อง "เรียกอะไม่ได้ยินหรอ เรียกตั้งนาน" น้องตอบหน้างงๆ ว่า "เรียกหรอ ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย"

หลังจากทำบุญไป ก็ไม่เจอเหตุการณ์แปลกไปพักใหญ่ และเข้าช่วงสอบ (จบปวช.) ก็ไม่มีเวลาสวดมนต์หรือไปใส่บาตร แล้วเหตุการณ์แบบเดิมก็กลับมาอีก พักหลังจากนี้มันมีแต่แรงขึ้นๆ แม้ว่าเราจะทำตามที่บอกว่าจะทำบุญใส่บาตรให้ทุกครั้ง มันก็ไม่ได้เบาลงเลย เราคิดแค่ว่า เราก็ไม่ใช่ญาติเขา ทำไมเราต้องไปใส่บาตรให้เขา ตอนนั้นคิดว่าเป็น คนที่โดดตึก เพราะเหตุการณ์แปลกมันเริ่มหลังจากนั้น โดยลืมคิดเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวร อย่างที่บอกก็ไม่ค่อยเชื่อเลยไม่คิดหาคำตอบอะไรมากมาย

เรายังคงนอนแบบเดิม คือเตียงตรงกับประตู คืนนั้นก็เจอแบบเดิมเลย  รู้สึกตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ อึดอัด หายใจไม่สะดวก และเจ็บหน้าอก ครั้งนี้มันนานมากๆ นานมากๆ จนรู้สึกเหมือนจะตาย "หรือเราจะตายแบบนี้" พอคิดแบบนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เราโกรธเพราะเราเหนื่อย และเจ็บ เลยพูดไปว่า "ถ้าอยากได้บุญก็มาขอดีดี ไม่ใช่มาทำแบบนี้ คุณมาขอเรานะ" แล้วเราหลุดออกและรู้สึกตัว

คิดดูว่ามันต้องเจอมามากแค่ไหนจนรู้สึกปกติจนไม่คิดหาพระมาใส่ เพราะอย่างมากมันก็แค่รู้สึกเจ็บเราเชื่อมาเสมอว่า หากมีผีจริง ผีพวกนั้นมันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก แต่เพื่อความสบายใจและรู้สึกรำคาญที่นอนไม่เต็มอิ่ม เลยกลับไปเล่าให้ตาฟังที่บ้านเกิด

เรามีตะกรุดที่ไม่เคยใส่ ก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ไง ก็เลยทิ้งไว้ที่นั้น ไม่พกมาด้วย อ่อเรามาเรียนแถวรัชโยธินนะ แต่บ้านเกิดอยู่สุพรรณบุรี คนโบราณแถวนั้นมักมีของและอาคมรวมถึงตาเรา เราก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกนะ แต่หลายๆคนเขาบอกเคยเห็น เคยสัมผัส ตาเราเคยไปช่วยเขา ช่วยคนผีเข้าจริงๆ เราเลยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ปัจจุบันนี้เชื่อหมดใจนะ เพราะน้องได้เห็นตาองค์ลงกับตาของน้องแล้วมาบอกเราเอง เราเลยเชื่อ

เรากลับบ้าน แล้วเราให้ตาฟัง ตาเลยขอให้เราไปหยิบตะกรุดที่อยู่บนหิ้งในห้องนอนที่บ้านที่สุพรรณมาให้เขา วันนั้นเขาหายเข้าไปในห้องพระแทบทั้งวัน แล้ววันก่อนกลับเขาก็เดินเอาตะกรุดมาให้เรา แล้วบอกใส่ไว้ ตาพูดสั้นๆว่า "คงเคยมีเรื่องราวกันมา เขาจึงมาหา แต่ไม่ต้องพบเจอกันน่าจะดีกว่า ใส่ติดตัวไว้จนกว่าจะย้ายออกจากที่นั้น" เราก็ใส่ไว้แหละ แต่ไม่ได้อยากรู้อะไรที่ตารู้มาเลยไม่ถาม คนไม่เชื่ออ่ะ เข้าใจใช่ป่ะว่ามันจะใส่ใจรายละเอียด

ตั้งแต่ใส่ตระกรุดมันก็ไม่เจออะไรเลย เสียงเคาะ เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่การตื่นแล้วขยับตัวไม่ได้ จนกระทั้ง สร้อยขาด ...... สร้อยแบโซ่เล็ก ขาดออกขณะเราอาบน้ำ ตอนนั้นก็งง ขาดได้ไง แต่ก็ลืมไปแล้วว่าเราเคยเจอเรื่องไม่ดี ก็ตัดสินใจเข้าไปขอนอนกับแม่ แล้ววางตะกรุดไว้ที่เตียงนอนห้องตัวเอง มาเลยคืนนั้น

มันเริ่มจากการฝันเห็นผู้หญิงเลือดโชกมายืน ตอนแรกอยู่ไกลๆ เราในฝันก็พยายามมองหน้า แต่ก็ไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พยายามมองยิ่งเพ่งเหมือนเขายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย จนเกือบใกล้กันแบบประชิดตัวเราก็สะดุ้งตื่น ทีนี้เลยสวดมนต์อีกรอบ แล้วหลับต่อ อีกครั้งกับการรู้สึกตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ ทุกครั้งที่ดิ้น เขาหัวเราะตลอดเวลา ทีนี้หัวเราะตลอดเวลาเลย เสียงเดิม เราบอกจะทำบุญให้ก็ยังไม่หลุด ต้องบอกว่าตลอดเวลาที่ใส่ตะกรุดแล้วไม่เจอเรื่องราวแปลกๆ นั้น ไม่ได้ทำบุญใส่บาตรเลยจ้า มุกนี้เลยใช่ไม่ได้

ดิ้น สวดมนต์เท่าไรก็ไม่หลุด จนเราพูดว่า "เออ เอาให้ตายไปเลยก็ได้ เหนื่อยแล้ว แล้วอย่าหวังว่าจะได้บุญอะไรนะ" เสียงหัวเราหายไปพร้อมกับการตื่นมากับเหงื่อที่ท่วมตัว ลุกขึ้นมามองแม่ที่หลับแบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็ลุกไปที่ห้องตัวเองเพื่อหยิบตะกรุดมานอนด้วย กำไว้ในมือจนถึงเช้าแล้วไปหาสร้อยใหม่ ปัจจุบันนี้ใช้เป็นสร้อยแบบเชือกหนา ไม่ขาดอย่างแน่นอน

หลังจากที่ใส่ตะกรุดก็ไม่เคยเจออะไรอีกเลย ตะกรุดนี้เราได้มาจากพระองค์หนึ่งในจังสุพรรณบุรีนั่นแหละ ตอนนั้นเราไปยืนมอง นกคู่สาลิกา แต่พระองค์นั้นเดินมามองเราแล้วบอกว่า ของเธอควรเป็นอันนี้ ให้เราเดินตามไป แล้วท่านก็ให้ตะกรุดมา ได้มานานมากๆ แต่ไม่เคยใส่เลย เราเล่าให้ตาฟังว่าพระให้ตะกรุดมา ตาบอกถ้าวันนี้ยังไม่ใส่ก็เอาไว้บนหิ้ง เผื่อวันหนึ่งต้องใส่.... ทุกคนมาถึงตรงนี้เราแอบรู้สึกว่า ทั้งพระทั้งตาเหมือนรู้ว่าเราต้องเจออะไร เมื่อทุกอย่างผ่านไป เราเข้าสู่วัยทำงาน เราไม่ได้อยู่ที่นั้น เราก็ไม่เจออะไรอีกเลย เราทบทวนทุกอย่างแล้วไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ว่ามันคืออะไร ใครที่อยู่กับเราในตอนนั้น คืออะไร ผีหรอ? หรือเจ้ากรรมในเวร? หรือบังเอิญ? หรือความฝัน? หรืออะไร  ทุกวันนี้ก็ไม่ได้หนักแน่นว่า ผีไม่มีจริงเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังคงเชื่อว่าผีไม่สามารถทำให้เราตายได้แน่ๆ หากเราไม่เคยไปทำอะไรเขา ขอยืนยันว่าทั้งหมดคือเรื่องจริงที่เจอเองในห้วงชีวิตหนึ่ง ปัจจุบันนี้ยังฝันแปลกๆ อยู่ และกลายเป็นนักเดินทางต้องไปในหลายๆ สถานที่ ก็ยังคงเจอเรื่องแปลกๆ นอกสถานที่บ้าง แต่ไม่เจอะอะไรที่น่ากลัวเหมือนตอนอยู่คอนโดนั้นแล้ว

3Cr.ภาพ : http://goo.gl/x73yCO


เอาล่ะ จบแล้ว และถ้าคุณอ่านมาจนจบ คิดเห็นอย่างไรก็มาคอมเม้นกันได้นะคะ ลองวิเคราะห์กันดูว่านี่มันคืออะไร ผีทั่วๆ ไปหรือเจ้ากรรมนายเวร หรือมันแค่เรื่องบังเอิญ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบนะคะ หากชอบก็สามารถแชร์ความสยองแบบงงๆ นี้ออกไปได้เลยจ้า

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
หญิงเถื่อน
หญิงเถื่อน
อ่านบทความอื่นจาก หญิงเถื่อน

หลักจะเน้นรีวิวอนิเมะ แต่ก็มีเรื่องเที่ยวปนๆ ด้วย มาตามกันได้นะคะ

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์