‘เป็ดที่บินเก่งกว่านก’ จัดทำโดย สมาคมนิสิตเก่านิเทศศาสตร์ จุฬาฯ พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2558ก่อนหน้านี้ เราเคยอ่านหนังสือในวาระครบรอบการก่อตั้งของคณะสถาปัตย์ฯ จุฬาฯ กับคณะวารสารฯ มธ. แต่ไม่เคยรู้ว่า คณะนิเทศฯ จุฬาฯ ก็มีทำหนังสือเช่นกัน เราเพิ่งมาเห็นเล่มนี้เป็นครั้งแรกที่ร้านหนังสือมือสองที่ซีคอน หยิบขึ้นมาดูเพราะสะดุดตากับหน้าปก แล้วพอเห็นข้อความ ‘หนังสือ 50 ปี นิเทศฯ จุฬาฯ’ เราก็ไม่ลังเลเลยที่จะซื้อมา (นี่คือคุณูปการของร้านหนังสือที่ทุกปก ลด 50% !) มีเล่มเดียวด้วย ถ้าพลาดไปก็ไม่รู้ว่าจะไปหาอ่านได้จากที่ไหน (คือเพื่อนที่เป็นศิษย์เก่านิเทศฯ จุฬาฯ ก็อาจจะมีให้ยืม แต่น่าจะนัดเจอกันได้ยาก)เราเข้าใจว่า หนังสือเล่มนี้ถูกผลิตออกมาโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของนิเทศฯ จุฬาฯ เป็นหลัก รองลงมาก็คงเป็นพวกบรรดาเด็ก ม.6 ที่สนใจอยากเรียนต่อในคณะนิเทศฯ ซึ่งตัวเลือกอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นการเรียนที่จุฬา (เราเองเป็นหนึ่งในคนที่ตอนแอดมิชชั่นเคยเลือกนิเทศฯ จุฬาฯ ไว้เป็นอันดับ 1 และ 2 ด้วยสัดส่วนการใช้คะแนนที่ต่างกัน แต่เรากลับพลาดทั้ง 2 อันดับ แล้วมาติดอันดับ 3 คือ วารสารฯ มธ.)เราเชื่อว่า ทุกคณะต่างมีศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียง-ไม่มากก็น้อย รวมทั้งศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของพวกเขาย่อมไม่ถูกนำมาเล่าในหนังสือเพื่อให้ชื่อเสียงของสถาบันต้องสั่นคลอน เมื่อกล่าวถึงศิษย์เก่าที่ ‘สร้างชื่อเสียง’ น่าจะหมายถึงคนที่ประสบความสำเร็จในสายงานนิเทศฯ หรือสายงานอื่นก็ตาม และอาจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ในหนังสือเล่มนี้ก็มีบทความเกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นของนิเทศฯ จุฬาฯ เช่น คุณโดม สุขวงศ์ (ผู้ก่อตั้งหอภาพยนตร์)แก๊งผู้กำกับทั้ง 6 คน ของหนัง ‘แฟนฉัน’พี่มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ผู้กำกับหนัง ‘รักแห่งสยาม’ (การได้มาเรียนที่จุฬา ทำให้เขาผูกพันกับสยามสแควร์ จนถึงขั้นนำสถานที่แห่งนี้มาใช้เป็นแบ็คกราวด์ของหนัง)กลุ่มทำแอนิเมชั่นให้ความรู้เรื่องน้ำท่วมช่วงปี 54 ที่ชื่อ ‘รู้สู้! Flood’ (เราเพิ่งรู้ว่าชื่อนี้มีที่มาจากชื่อหนัง ‘วิ่งสู้ฟัด’ ที่เฉินหลง แสดงนำ) ผู้จบเอกพิเศษ (เอกครุศาสตร์!) อย่างครูลิลลี่ และครูลูกกอล์ฟนักเขียนรางวัลซีไรต์ อย่างคุณบินหลา และคุณอัศศิริกลุ่มทำรายการเชิงสารคดี ‘ป่าใหญ่ ครีเอชั่น’ (มีรายการที่หลายคนน่าจะรู้จัก คือ ทุ่งแสงตะวัน)และคนเก่าคนแก่อย่าง คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่ง GMM Grammyนอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวในรั้วนิเทศฯ จุฬาฯ อีกหลายด้าน อย่างวีรกรรมสมัยเรียน ความผูกพันฉันท์พี่น้องของนิสิตในคณะ เช่น การทำละครเวทีของคณะ (ซึ่งเราเคยไปดูอยู่รอบนึง ตอนเรียนปี 4 ที่คณะวารสารฯ มธ.) ความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตกับอาจารย์ เรื่องเล่าของเหล่าน้องหมาตัวแล้วตัวเล่าที่อยู่คู่เคียงคณะมานาน (เปรียบเป็นของคณะวารสารฯ มธ. ก็จะนำทีมโดยแมว ที่ชื่อว่า เจ้าหลง) และยังมีตารางประเพณี 12 เดือน ไล่ตั้งแต่เปิดเทอมจนปิดเทอม (ก.ค. - มิ.ย.) ว่า ที่นิเทศฯ จุฬาฯ มีจัดกิจกรรมอะไรกันบ้าง ซึ่งสมัยเราเรียนที่ วารสารฯ มธ. ก็จะผูกพันอยู่ 2 งาน คือ งานจ๊ะเอ๋ลูกนก เป็นงานที่พวกเฟรชชี่ระหว่าง วารสารฯ มธ. กับ นิเทศฯ จุฬาฯ จะได้พบปะกัน เพื่อโชว์ของ ทั้งสองสถาบันก็จะสลับกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละปี ตอนเราอยู่ปี 1 ปีนั้นจัดที่คณะนิเทศฯ จุฬาฯ เรากับเพื่อนได้ทำทีเซอร์ เอ็มวี และหนังสั้นไปฉายกัน ก็สนุกดี ได้เพื่อนใหม่ (ปีถัดมาที่ วารสารฯ มธ. เป็นเจ้าภาพ แล้วชาวนิเทศฯ จุฬาฯ ต้องมาเยือน วันนั้นเราเห็น ‘วี วิโอเลต’ ในฐานะสาวนิเทศฯ อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง และเธอเป็นความทรงจำเดียวของเราที่หลงเหลือจากวันนั้นมาถึงทุกวันนี้ หาใช่โชว์เต้นใดๆ ของทั้งสองสถาบันที่มาประชันกัน!) กับอีกงานที่เราผูกพัน คืองานกางจอ (งานฉายธีสิสของภาคฟิล์ม) ที่เราไปดูหนังสั้นในงานนั้นเป็นประจำตลอด 4 ปีที่เรียนมหา’ลัย จากบทความทั้งหมดในหนังสือ มีบทความเดียวที่เรารู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ได้อ่าน คือ บทความของ อาจารย์ประวิทย์ แต่งอักษร ซึ่งที่ผ่านมาเรา (และน่าจะอีกหลายคน) เคยอ่านงานเขียนของอาจารย์เฉพาะเรื่องเกี่ยวกับหนัง ตามสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (เช่น The Standard, Starpics) แต่พอมาเล่มนี้แล้วได้อ่านงานเขียนของอาจารย์ที่ไม่ใช่เรื่องหนังก็รู้สึกดีไปอีกแบบ (ฮา) อย่างไรเราก็ยังชอบภาษาเขียนของอาจารย์อยู่เสมอโดยสรุปภาพรวมของสิ่งพิมพ์เล่มนี้ มองมุมหนึ่งก็เหมือนคณะเป็นสินค้าสักชิ้นในระบบการศึกษา ให้เด็กมัธยม 6 ได้มาเลือกช็อปกันตามใจชอบ อีกมุมหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือแนะนำคณะให้กับกลุ่มเด็กมัธยม 6 ที่สนใจจะเรียนด้านนิเทศฯ เพียงแต่เราอ่านไปก็รู้สึก ‘กลัวใจตัวเอง’ แทนเด็กเหล่านั้นว่า พวกเขาจะอ่านแล้วอินจนกลายเป็นถูกมอมเมา โชคดีที่ยังมีคำเตือนเขียนไว้เป็นทีเล่นทีจริงอยู่บนปกว่า ‘ผู้ปกครองโปรดอ่านก่อนส่งลูกหลานมาเข้าเรียน’ เพราะสัจธรรมก็คือ ไม่ใช่นิสิต ‘ทุกคน’ ที่สำเร็จการศึกษา-ผ่านรั้วคณะนี้ (หรือคณะใดก็ตาม) ออกไปแล้วจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในวันข้างหน้า อย่าลืมว่าเนื้อหาภายในเล่มผ่านการ ‘คัดกรอง’ และ ‘ปรุงแต่ง’ มาแล้ว ไม่มีหน้ากระดาษว่างเป็นพื้นที่ให้กับคนที่ล้มเหลวในชีวิตหลังเรียนจบหรอกเขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้จะช่วยนิเทศฯ จุฬาฯ ขายหนังสือ เพราะเพิ่งลองเสิร์ชกูเกิ้ลแล้วเห็นว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีเพจที่เปิดขึ้นมาเพื่อรับ Pre-order หนังสือเล่มนี้โดยเฉพาะ ป่านนี้หนังสือก็น่าจะหมดแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาอ่านได้จากที่ไหน ใครที่อยากอ่านก็น่าจะขอยืมหรือซื้อต่อได้จากบรรดาคนรู้จักที่เป็นศิษย์เก่านิเทศฯ จุฬาฯ เราแนะนำว่า อ่านได้เพลินๆ ไม่ว่าคุณจะเรียนจบจากคณะอื่นที่ไม่ใช่นิเทศฯ หรือเรียนจบจากนิเทศฯ ที่อื่นที่ไม่ใช่จุฬา ก็ตาม