“อีนิ่ว” เป็นภาษาท้องถิ่นภาคเหนือใช้เรียกตัวอ่อนของแมลงปอ โดยในช่วงทำนาแมลงปอจะวางไข่ในน้ำที่กักขังไว้ หลังจากนั้นจึงฟักเป็นตัวอ่อน เคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็วในน้ำ โดยจะหากินซากพืชซากสัตว์ ลูกน้ำ ไรแดง เพื่อช่วยในการเจริญเติบโต ในระยะวงจรชีวิตนี้ชาวบ้านก็จะใช้กระชอนตักอีนิ่วมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่างทั้ง ตำน้ำพริก ห่อหมก แกงใส่ข้าวคั่ว และไข่เจียว โดยในแต่ละปีจะมีอีนิ่วให้รับประทานครั้งเดียวคือช่วงฤดูทำนา ต้องใช้เวลาในการจับนาน กว่าจะได้ปริมาณมาก ทั้งปัจจุบันยังใช้สารเคมีในทำการเกษตร และทำนาลดลง จึงทำให้อีนิ่วเป็นสัตว์เศรษฐกิจหายาก และราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 200-300 บาท ฉะนั้นจึงอยากแนะนำเมนู ไข่เจียวอีนิ่ว เผื่อผู้อ่านไปเที่ยวเขตภาคเหนือแล้วพบขายตามตลาดก็ลองซื้อมาประกอบอาหารได้ครับ วัตถุดิบ 1. อีนิ่ว 2. ไข่ไก่ 3. กระเทียม 4. พริกไทย 5. น้ำปลา วิธีทำ 1. ตอกไข่ใส่ถ้วย จากนั้นตีให้เนื้อเนียนเข้ากัน 2. เติมอีนิ่ว พริกไทย และน้ำปลา ตีผสมให้เข้ากับไข่ 3. โขลกกระเทียม จากนั้นตั้งกระทะเติมน้ำมัน รอนำมันร้อนแล้วจึงค่อยใส่กระเทียม 4. เทไข่ซึ่งผสมอีนิ่วเรียบร้อยแล้ว ค่อย ๆ เริ่มหรี่ไฟกระทะให้ลดลงเพื่อไม่ให้ไข่ไหม้ 5. รอสักพักใช้ทัพพีช้อนตักดูด้านหลัง หากเห็นเนื้อไข่สีเหลืองเข้มแล้วจึงค่อยพลิกกลับอีกด้าน ในขั้นตอนนี้อย่าเปิดไฟแรงอาจทำให้ไข่สุกไม่ทั่วถึง แล้วรอให้ด้านที่พลิกสุกจึงตักใส่จานพร้อมรับประทาน ไข่เจียวอีนิ่วสามารถทำได้ง่ายดาย คล้ายกับไข่เจียวหมูสับ เป็นอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติ ให้โปรตีนสูงทั้งจากเนื้อไข่และอีนิ่ว เนื้อสัมผัสอีนิ่วมีความมัน นิ่ม เมื่อทานคู่กับไข่ค่อนข้างเข้ากัน เสริมรสชาติความอร่อย ทำให้ทานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากผู้อ่านชอบรสชาติเผ็ดก็อาจเติมพริก เครื่องปรุงได้ตามใจชอบ ทั้งนี้รับรองรองว่าอีนิ่วเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่สะอาดปลอดภัย เพราะเป็นแมลงดัชนีชี้วัดคุณภาพน้ำ ต้องเจริญเติบโตอยู่ในน้ำสะอาด ไม่ปนเปื้อนสารเคมีเท่านั้น ในเมื่อมีข้อดีหลายอย่างนี้แล้ว หากมีโอกาสก็ลองทำเมนูไข่เจียวอีนิ่วกันนะครับ 😊😊😊