อื่นๆ

โอปปาติกะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
โอปปาติกะ

บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าเราเป็นคนโลกไหน ระหว่างโลกคนเป็น หรือโลกคนตาย หรืออยู่ระหว่างกลางทั้ง 2 โลก...

สมัยก่อนตอนแม่ของเราตั้งท้องเราได้ เกือบ 8 เดือน แม่ไปเก็บน้ำฝนแล้วเทลงตุ่ม แต่แม่ลื่นล้ม จนเราแท้งออกมา ยายรีบพาแม่ไปโรงพยาบาลศิริราช เรารอดอย่างปาฏิหารย์ และไม่ได้เข้าตู้อบ หมอให้พากลับบ้านได้เลย เรามีน้ำหนักตัวแค่ 10 ขีด และหัวกระโหลกยังไม่ประสานกัน ตัวเหี่ยว หัวยาวเหมือนเอเลี่ยน จัดเป็นเด็กที่น่าเกลียดมาก จนแม่ไม่กล้าอุ้ม แต่พ่อชอบของแปลก เลยอุ้มเรากลับบ้านอย่างภาคภูมิใจ.....เอเลี่ยน

เรากินอะไรไม่ได้แม้กระทั่งนม เพราะอ๊วกออกหมดจนตัวเน่าเละเหมือนศพเด็ก ทุกคนในบ้านหมดหวัง เราไม่ร้องไห้ นอนหลับทั้งวันเหมือนเด็กตาย ก็คิดว่าตายไปแล้ว จนกระทั่งแม่ไปอธิษฐานกับหลวงพ่อบ้านแหลมว่าถ้าเราสมควรอยู่ก็ขอให้รอดและกินนมได้ ถ้าสมควรตายก็เอาไป อย่าปล่อยให้ทรมาน สรุปว่าเรารอดและกินนมได้ เติบโตขึ้นทุกวัน...หลวงพ่อบ้านแหลม

Advertisement

Advertisement

ในวัยเด็กเราไม่มีเพื่อนที่เป็นคนเลยแม้แต่คนเดียว เราชอบไปนั่งเล่นที่ศาลพระภูมิแถวบ้านเพียงลำพัง จนกระทั่งเห็นรูปปั้นเด็กเลยเอากลับบ้าน และต่อจากนั้นเราก็ไม่เคยเหงาอีกเลยกุมารทอง

เราเล่นกับกุมารทองมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยที่ไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่คน แต่พี่เขาเป็นเพื่อนที่น่ารัก นิสัยดีกว่าเด็กๆ เกเรแถวบ้านเรามากมาย เราเป็นเพื่อนกันมาจนแม่รู้สึกแปลกๆ เพราะมีคนแถวบ้านบอกเห็นมีเด็กมาวิ่งเล่นบนบ้านตอนพวกเราไม่อยู่บ้านเป็นประจำ  ในที่สุดแม่ก็เจอรูปปั้นพี่เขาและเอาพี่ไปโยนทิ้งที่ไหนก็ไม่รู้ เราเลยไม่มีเพื่อนเล่น....นางไม้

เวลาไปเยี่ยมยายที่ต่างจังหวัด บ้านยายเป็นบ้านไม้แบบโบราณ บรรยากาศดูน่าวังเวง ตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้า ที่บ้านจึงใช้จุดตะเกียงในตอนกลางคืน เวลานอนก็กางมุ้งนอน เราก็มักจะเห็นผู้หญิงผมยาวนั่งสางผมอยู่นอกมุ้งเป็นประจำ เราเรียกแม่ให้ดู แม่ก็ออกไปดูแต่แม่ไม่เห็นใคร มีเพียงแต่เราเท่านั้นที่เห็น ยายจึงบอกว่าคือแม่นางไม้อยู่ที่นี่มานานแล้ว เราไม่รู้ว่านางไม้คืออะไร แต่คิดว่าคงเป็นพี่สาวคนสวย ใจดี แน่ๆ เลย...แขนโดนน้ำมนต์

Advertisement

Advertisement

เรามักจะเห็นพลังงานบางอย่างที่คนเรียกว่า "ผี" เป็นประจำ จนกระทั่งเราโตมาถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เราเห็นคืออะไร จึงเริ่มกลัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้ใหญ่มีวิชาบางคนบอกกับเราว่าคนที่ตายแล้วแต่เกิดใหม่ทันทีในร่างเดิมของตนเองก็เคยมีในพุทธกาล เรียกว่า "โอปปาติกะ" พวกนี้เหยียบอยู่ระหว่างโลกคนเป็นกับโลกคนตาย จึงสามารถติดต่อสื่อสารได้ทั้งคนเป็นและคนตาย เราจึงอาจจะเป็นหนึ่งในคนพวกนี้ก็..เป็นได้ ว่าแล้วผู้มีวิชาท่านนั้นก็ลองเอาน้ำมนต์มาสาดใส่เรา ปรากฏว่าผิวเราเป็นจุดแดงๆ  และเรารู้สึกร้อนๆ เหมือนโดนน้ำมันในกระทะกระเด็นใส่ ... เราว่ามายากลแน่ๆ เลย เราไม่เชื่อหรอกว่าคนสวยๆ อย่างเราจะเป็นอะไรแบบนั้น (ระหว่างที่พิมพ์ประโยคนี้ เราได้ยินเสียง "แหวะ" มาจากหลายทิศทาง โดยที่เราอยู่เพียงลำพังในห้อง เราไม่ได้เขียนให้ขำ แต่เราได้ยินจริงๆ มันชัดมาก)ตัวเองในกระจก

Advertisement

Advertisement

ปล. เล่าเรื่องนี้แล้วเดินไปส่องกระจกก็รู้สึกหลอนตัวเอง กว่าทุกเรื่องที่ส่งมาเสียอีกนะนี่

เครดิตภาพ: เจ๊ 10 บาท

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์