สวัสดีครับวันนี้เป็นวันสุดท้าย (9/2/2020 ) ของการเปิดให้เข้าชม นิทรรศการภาพถ่าย Hundred Years Between โดยท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Bangkok Design Week 2020 ระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563 ณ โรงภาษีร้อยชักสาม ก่อนที่จะปิดยาวเพื่อเตรียมบูรณะโรงภาษีร้อยชักสาม โดยจะใช้เวลาดำเนินการรวมโดยประมาณ 6 ปี ครั้งนี้ผมจึงอยากไปเก็บบันทึกความทรงจำครั้งสุดท้ายของที่นี่ ผมจึงมีโอกาสไปร่วมชม ก่อนที่จะปิด และต้องบอกก่อนนะครับว่าผมไม่เคยรู้จักที่นี่มาก่อนเลยครับ จนได้มาเห็นประกาศใน Facebook Fanpage : The Cloud ด้วยความที่ผมเรียนเกี่ยวกับด้าน ประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว ผมจึงสนใจที่แห่งนี้ในครั้งแรกที่เห็นเลยทีเดียว ผมจึงหาข้อมูล แล้วรู้มาว่าที่แห่งนี้ไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในบ่อย ๆ แต่ก็มีผู้คนมาถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าอาคารและรอบนอกของอาคารบ่อย ๆ เช่นกันโดยเฉพาะชาวต่างชาติ นี่จึงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเปิดให้เข้าชมภายใน ก่อนที่จะปิดบูรณะซ่อมแซม อาคารเดิม จำนวน 3 หลัง ด้วยการเสริมโครงสร้างและความแข็งแรง การตกแต่งภายนอก และการตกแต่งภายใน รวมถึงการสร้างอาคารใหม่อีก 1 หลัง นานถึง 6 ปี เพื่อเตรียมบูรณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่ก็มีข่าวมาว่าจะทำเป็นโรงแรมสุดหรู แน่นอนครับว่าหลายคนไม่เห็นด้วยรวมทั้งผม ผมจึงได้สอบถามกับ Museum Guide ของที่นี่แล้ว ว่าอาคารหลักหลังนี้จะทำเป็นโรงแรมจริงหรือ? แต่คำตอบที่ได้คือ อาคารหลังนี้จะทำเป็น พิพิธภัณฑ์อย่างแน่นอน โดยโรงแรมที่ว่าจะสร้างไม่ไกลกันมากนัก ดังนั้นสบายใจได้เลยครับ โดยการเดินทางในครั้งนี้ ผมเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาธงส้ม จาก ท่าน้ำนนท์ มาลงที่ ท่าเรือสี่พระยาตรงข้าม ICONSIAM แล้วเดินไปจนถึงซอยเจริญกรุง 36 (โรงภาษีเก่า) ซึ่งผู้คนเยอะมาก เพราะต้องการมาชมเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน โดยเมื่อถึงแล้วก็มาต่อคิวเพื่อลงทะเบียนเข้าชม ซึ่งก็ใช้เวลารอนานพอสมควร พอถึงคิว ผมก็ไม่รอช้า เริ่มบันทึกความทรงจำด้วยกล้องโทรศัพท์พร้อมกับกล้องคู่ใจ (ถ้าใครอยากชมภาพมากกว่านี้สามารถดูได้ที่แฟนเพจของผมในชื่อนามปากกาของผมได้เลยครับ) และใช้เวลาในการรับชมครั้งละ 30 นาที ต่อคน โดยแบ่งเป็น ชั้นละ 10 นาที ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยเข้าชมพร้อมกันรอบละ 20 คนโดยประมาณ ภายในจะมีภาพถ่ายนิทรรศการโดยท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน กับการตามรอยเสด็จประพาสประเทศนอร์เวย์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 และบรรยากาศภายในสำหรับผมแล้วสวยมาก ทั้งแสงและความเก่าความขลังในมนต์เสน่ห์ของที่นี่ซึ่งเป็นศิลปะโรมันคลาสสิค เป็นสถาปัตยกรรมทรงนีโอคลาสสิก และอาคารหลังนี้มีอายุ 131 ปี ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2431 ในพื้นที่ 5 ไร่ เจ้าของคือกระทรวงการคลัง อดีตคือที่ทำการของศุลกสถาน (หรือกรมศุลกากรในปัจจุบัน) เพื่อเป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าที่เรียกว่า ภาษีร้อยชักสาม ซึ่งในสมัยนั้นนิยมขนสินค้ามาทางเรือ จึงได้สร้างศุลกสถานติดแม่น้ำนั่นเอง ดังนั้น จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรงภาษีร้อยชักสาม พ.ศ. 2492 กรมกรมศุลกากรนั้นได้ย้ายไปอยู่ที่คลองเตย หลังจากนั้นก็ได้มาเป็นสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก และเป็นที่ทำการของตำรวจน้ำ ตามลำดับ สาเหตุที่ต้องปล่อยให้ทรุดโทรมแบบนี้เป็นเพราะไม่มีงบประมาณในการดูแลจึงทำให้ดูทรุดโทรมอยู่นานหลายสิบปี ด้วยการที่เป็นตึกที่สวยงามไม่กี่แห่งในสมัยนั้น ทำให้สถานที่นี่เป็นสถานที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับชาวต่างประเทศ และใช้เป็นที่รับรองต่างๆ แล้วยังเคยใช้เป็นสถานที่เต้นรำ ในคราวพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา รวมทั้งพระราชพิธีสมโภชพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จนิวัติพระนครจากการเยือนประเทศในยุโรปครั้งแรก อีกด้วย โดยผมจะไม่เจาะลึกรายละเอียดมากนัก ถ้าใครอยากศึกษาเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้ทาง Google ซึ่งมีคนเขียนประวัติไว้เยอะเลยครับ วันนี้ผมตั้งใจมาเก็บภาพบรรยากาศครั้งสุดท้าย และจะมาเยือนที่นี่อีกครั้งใน 6 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2568 เพื่อชมความเปลี่ยนแปลงของที่แห่งนี้ แล้วเจอกันใหม่ ณ สถานที่แห่งนี้ในอีก 6 ปีข้างหน้ากันนะครับ😊 ผมได้ถ่ายบรรยากาศของชั้นสามมาด้วย แต่ได้ถ่ายมาเพียงแค่นิดเดียว เพราะกลัวรบกวนท่านอื่น สามารถดูได้ที่ VDO นี้ หรือค้นหาใน YouTube ชื่อนี้เลยครับ “โรงภาษีร้อยชักสาม ชั้นสาม ความทรงจำ ครั้งสุดท้าย” ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ขาไป) ค่ารถมอเตอร์ไซค์ไปท่าน้ำนนท์ 40 บาท ค่าเรือด่วนธงส้ม (ตลอดสาย) 15 บาท เส้นทางการเดินทาง ท่าน้ำนนท์ -- ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือสี่พระยา -- โรงภาษีร้อยชักสาม ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : Nut The Journey YouTube channel : Nut The Journey ภาพทั้งหมดโดย : โดยผู้เขียน เรื่องโดย : โดยผู้เขียน (Nut The Journey)