ถ้าจะหาความบันเทิงในยุคนี้นั้นง่ายมาก แค่หยิบมือถือขึ้นก็เลือกชมรายการออนไลน์ได้ตามใจชอบแล้ว หรือ จะไปเดินห้าง ดูหนัง นั่งร้านอาหารเก๋ๆ ร้านกาแฟเท่ห์ๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ทำไมมักจะได้ยินบ่อยๆว่า...เบื่อ..ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้จะไปไหน อาจจะเป็นไปได้ว่า ผู้คนในยุคนี้ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ อะไรที่เนิ่นช้า อืดอาดก็เลยอยากจะสคิปให้ผ่านไปไวๆเหมือนที่ทำกับโฆษณาที่อยู่ในยูทิวบ์ ซึ่งจริงๆแล้วก็มีข้อดีนะที่เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งทนดูอะไรที่ไม่ชอบได้ด้วย ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่มีทีวีให้ดูไม่กี่ช่อง รายการช่วงหลังข่าวก็โฆษณาทีนึงนานจนง่วง แต่อีกแง่นึงก็อาจทำให้ความอดทนของเราต่ำลงด้วยรึเปล่า มาพูดถึงความบันเทิงของคนสมัยก่อน คงมีให้เลือกไม่มากนัก กว่าจะมีครั้งนึงก็ต้องอาศัยเทศกาล งานวัด ซึ่งก็มีการแสดงไม่กี่อย่างให้ชม แต่กลับสร้างความสำราญให้คนสมัยนั้นได้มากทีเดียว ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนั้นก็คงจะยืนยันไม่ได้ว่า มีคนบ่น..เบื่อ กันทั่วบ้านทั่วเมืองเหมือนสมัยนี้หรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าไม่ได้ยินก็เเล้วกันนะครับ แต่ที่พอสัมผัสมาบ้าง ก็พบว่าการแสดงศิลปะพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ลิเก รำตัด หมอรำ หรือ หนังตะลุง เหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความเพียรฝีกฝน ใช้ไหวพริบ มีคติธรรม และที่มีเสน่ห์มากๆคือ ความสด ชวนให้ติดตาม ศิลปะแขนงนึงที่อยากจะพูดถึงนั้นคือ การแสดงโขน เรียนตามตรงนะครับ อายุเลยหลักสี่มาแล้วเพิ่งจะได้มาชมกับเค้าเมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนดูครั้งแรกก็พบว่า ช่างน่าสนใจจริง เห็นฉากประกอบอลังการ ชุดเครื่องแต่งองค์ทรงเครื่อง ท่าทางร่ายรำประกอบบทพากย์ เหมือนภาษากายที่คนโบราณนำมาปรับปรุงดัดแปลงให้ดูอ่อนช้อย งดงาม และเข้าใจง่าย ยกตัวอย่าง เวลายักษ์โมโห จะกระทืบเท้า ชี้นิ้วไปพร้อมๆกับตวัดดัดอ่อน ดูแล้วโมโหแบบมีความงามจริงๆ ลิงมีความรัก หรือดีใจ ก็จะกระโดดโลดเต้น สองมือโอบกอดอกตัว ดูแล้วอดยิ้มมีความสุขตามไม่ได้ พอดูแล้วเข้าใจ ก็เริ่มสนุก ก็เริ่มสังเกตเห็นหัวโขนที่สวม ไม่ว่าจะเป็น ยักษ์ ลิง พระ มีความแตกต่างกันทุกหัว เสื้อผ้าเครื่องทรงก็สวยงามต้องแสงไปแวววาว ตรึงความสนใจตลอดเวลาจริงๆ ด้วยความประทับใจหลังจากนั้น ก็เลยไปเดินดูงานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เห็นมีอยู่ห้องนึง แสดงหัวโขนเต็มห้องเลย เห็นแล้วรู้สึกชื่นชมฝีมือช่างโบราณ ที่ทำด้วยความปราณีต บรรจง มีจินตนาการ การประดับประดา สี ยังดูดีมาจนถึงทุกวันนี้ แม้วันเวลาจะล่วงมาเกือบร้อยปีแล้วก็ตาม ดูแล้วก็นึกไม่ออกจริงๆว่าเค้าทำได้ยังไง อย่างหนุมานที่แสดงในรูปข้างบน ประดับด้วยเปลือกหอยมุกทั้งหัว ยักษ์บางหน้าก็ดูเศร้า ปนดุๆ อย่างหัวนี้ ลองมานึกดูก็พอจะเดาได้ว่า ที่คนสมัยก่อนเค้าหาความสำราญได้จากเเสดงไม่กี่อย่างก็จริง แต่การแสดงเหล่านั้นมีการผสมผสานศิลปะหลายแขนง พร้อมกับมีความปราณีต ละเอียดอ่อน ใส่ใจมากๆ จากนักแสดงจึงส่งผลให้เกิดพลังดีดีต่อไปถึงผู้ชม ได้รับรู้และมีส่วนร่วมในการแสดงนั้นจากใจจริงๆ ถ้าท่านยังไม่เคยชมการแสดงโขนมาก่อน ก็น่าจะลองไปดูสักครั้งนะครับ แล้วท่านอาจจะพบช่องทางในการหาความสุขอีกรูปแบบนึงก็ได้ เครดิตภาพ: ผู้เขียน