แม้พระเจ้าตากสินทรงครองราชย์ได้เพียง 15 ปี และอยู่ในช่วงยุคสงคราม แต่พระองค์ก็ได้ทรงสร้างสถานที่ต่าง ๆ ให้ตรงตามอย่างธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะพระราชวังที่ประทับนั้น อาจไม่โอ่อ่าใหญ่โต่ แต่ก็สร้างด้วยความปราณีตคงฝีมือช่างไว้ได้อย่างวิจิตรงดงาม ภาพถ่ายโดยนักเขียน ยามแวะไหว้พระที่วัดอรุณฯ ผู้เขียนมักอดไม่ได้ต้องแวะเวียนไปเมียงมองริมรั้ววัง เผื่อพี่ ๆ ทหารเรือจะใจดีอนุญาตให้เข้าไปข้างในได้ แต่ก็ได้แค่เมียงมอง เพราะพระราชวังเดิมปัจจุบันอยู่ในเขตดูแลกองทัพเรือ จึงไม่เปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้าชม ยกเว้นสถานศึกษาหรือหน่วยราชการที่เข้าชมเป็นหมู่คณะ ซึ่งต้องทำหนังสือขอเข้าชมเป็นคราว ๆ ไป แต่ปลายปี 2562 ที่ผ่านมา กองทัพเรือเปิดให้เข้าชมพระราชวังเดิมได้เป็นกรณีพิเศษ ผู้เขียนย่อมไม่พลาดแน่นอน แต่กว่าจะหาวันว่างไปก็เกือบถึงวันท้าย ๆ แล้ว ไปพระราชวังเดิมสำหรับผู้เขียนสะดวกสุดคือ เดินจากวัดอรุณฯเข้าไปเลย เจอพี่ทหารเฝ้าประตูก็เพียงแต่แจ้งว่าไปชมวังเดิม พี่ท่านก็พยักหน้าให้ผ่านไปได้ เดินตามทางป้ายบอกไม่นาน เราจะเห็นป้อมปืนสีขาวสะดุดตา มีพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินไม่ไกลกันนัก ภาพถ่ายโดยนักเขียน ป้อมนี้มีนาม ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ไม่ทราบคุ้นหูกันบ้างหรือไม่ หากแฟนละครบุพเพสันนิวาสคงจำได้ ป้อมที่คอนสแตนตินฟอลคอนทูลขอให้พระนารายณ์ทรงสร้าง เกณฑ์ผู้คนสึกพระออกมามากมายก็เพื่อมาสร้างป้อมนี้นี่เอง คำว่าวิไชยประสิทธิ์ก็มาจากราชทินนาม เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ภาพถ่ายโดยนักเขียน ป้อมนี้ยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้เป็นที่ยิงสลุตของกองทัพเรือสำหรับงานพระราชพิธีต่าง ๆ ส่วนของกองทัพบกและกองทัพภาพถ่ายโดยนักเขียนอากาศยิงที่สนามหลวงและฐานทัพอากาศตามลำดับ ภาพถ่ายโดยนักเขียน ประตูเข้าวัง หรือที่นิยมเรียกว่า ประตูสามสมอ เนื่องจากเคยใช้เป็นโรงเรียนนายเรืออยู่ช่วงหนึ่ง บานประตูมีลายพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า พระราชทานเนื่องในวันเปิดโรงเรียน เข้ามาแล้วมีพี่ๆทหารยืนเฝ้าตามอาคารจัดแสดงต่าง ๆ เสียดายที่ห้ามถ่ายรูปภายในอาคาร คิดว่าเพราะแต่ละอาคารพื้นที่ค่อนข้างจำกัด กับความเก่าของอาคารและข้าวของจึงกันไว้ก่อนไม่ให้เกิดความเสียหาย ภาพถ่ายโดยนักเขียน ท้องพระโรงเดิมจัดแสดงพระราชประวัติพระเจ้าตากสิน เสานี้เมื่อก่อนเป็นไม้สักหมด แต่บูรณะใหม่เอาเสาปูนมาล้อมไว้ ฝั่งตรงข้ามท้องพระโรงเป็นศาลพระเจ้าตาก มีผู้คนทยอยไปกราบไหว้ไม่ขาดสาย ข้างกันเป็นศาลศีรษะปลาวาฬ เป็นกระดูกปลาวาฬที่ขุดพบใต้ศาลพระเจ้าตากสิน ภาพถ่ายโดยนักเขียน ถัดไปเป็นเก๋งคู่ ฝั่งหนึ่งเป็นเก๋งจีน ฝั่งหนึ่งเป็นเก๋งไทย เก๋งจีนจัดแสดงเครื่องใช้ต่าง ๆในสมัยนั้น รวมทั้งของใช้ส่วนพระองค์ ส่วนฝั่งเก๋งไทยจัดแสดงเครื่องศัสตราวุธ บางอันดูแล้วใหญ่โตมาก คนใช้คงต้องแข็งแรงฝึกฝีมือกันมาอย่างดีทีเดียว จากเก๋งคู่เดินย้อนกลับเข้าไปข้างใน เห็นอาคารรูปทรงคุ้นตาซึ่งไม่แปลกอันใด เพราะนี่คือตำหนักที่ประทับบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าก่อนที่จะย้ายไปประทับยังพระราชวังบวรสถานมงคล และโปรดให้สร้างพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ขึ้น ภาพถ่ายโดยนักเขียน ภายในอาคารจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับในกิจการทหารเรือ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนแรกของสยาม ออกจากอาคารนี้เราเดินผ่านท้องพระโรงตัดไปอีกฟากหนึ่งของวัง มีเรือนไม้หลังเล็กตั้งอยู่หลังเนินดินริมกำแพงวัง นี่คือเรือนเขียว แต่ก่อนใช้เป็นเรือนพยาบาลเหล่านักเรียนนายเรือ ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงวีดีทัศน์ ภาพถ่ายโดยนักเขียน แม้พื้นที่วังไม่กว้างขวาง แต่ช่วงเวลาที่เดินชมก็ทำให้อิ่มเอมได้ว่า แม้คนไทยจะอยู่ในช่วงลำบากขัดสนร่วม15 ปี เราก็ยังสร้างงานศิลป์ได้อย่างวิจิตร งานช่างหลายแหล่ก็ยังอุตสาหะรักษาไม่ให้เลือนหาย ส่งต่อมาจนถึงรุ่นลูกหลาน ต้องขอขอบคุณมูลนิธิพระราชวังเดิมและกองทัพเรือด้วย ที่ช่วยดูแลโบราณสถานโบราณวัตถุให้อยู่คู่คนไทยสืบไป หากใครมีโอกาสได้แวะไป บริจาคเข้ามูลนิธิพระราชวังเดิมได้นะครับ คนละเล็กคนละน้อย ช่วยบำรุงรักษามรดกล้ำค่าให้อยู่กับพวกเราไปนาน ๆ