แม่น้ำโขง คือแม่น้ำสายใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงหลายล้านชีวิต ตามลุ่มแม่น้ำโขง ของคนในภาคอีสานอย่างฉันที่คุ้นเคย เพราะเราอาศัยแหล่งน้ำในการทำเกษตร ทำประมง รวมไปถึงประเพณีวัฒนธรรม ท้องถิ่น อย่างประเพณี วันออกพรรษาบุญบั้งไฟพญานาค และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พวกเราก็จะได้ไปเล่นน้ำ บนสันทราย เกาะแก่งน้อยใหญ่ ที่น้ำจะลดลงตามฤดูกาล ตอนเด็ก ๆก็เคยสงสัยว่าน้ำมาจากไหน มีผู้ใหญ่บอกว่ามาจากหิมะละลาย ก็ยังไม่ค่อยเชื่อ คิดว่าทำไมหิมะ ละลายมมาไกลจังเมื่อฉันโตขึ้น ฉันก็อ่านมากขึ้น จนมาฉันรู้ว่า“แม่น้ำโขง”มีต้นกำเนิดมาจากการละลายของน้ำแข็ง หิมะบริเวณที่ราบสูงทิเบต ของประเทศจีน เป็นแม่น้ำสายสำคัญ ที่ไหลผ่าน 4 ประเทศ ได้แก่ จีน ลาว เวียดนาม กัมพูชา ส่วนบ้านเรามี 8 จังหวัด ที่แม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำโขงมีความสำคัญเพราะว่า มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และมีพันธุ์ปลากว่าหนึ่ง 1000 ชนิด เป็นแหล่งเพาะ ปลูก เกษตรกรรม ประมง ของผู้ที่อาศัยตามลุ่มแม่น้ำในการประกอบอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่วันนี้น้ำโขงไม่เหมือนเดิม เพราะมีการสร้างเขื่อน กีดขวางการ ไหลของน้ำ แม้ในหน้าแล้งน้ำก็ไม่ลด ทำให้ไม่มีพื้นที่ในการเพาะปลูก เหมือนที่เคยมีมาในอดีต มีปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “สภาพน้ำขาดดินตะกอน” เป็นสาเหตุของการกัดเซาะชายฝั่ง จากการไหลของน้ำอย่างรุนแรง เพราะว่ากระแสคลื่นในอ่างเก็บน้ำต่ำมาก คือเดิมทรายจะถูกพัดขึ้นมาในแม่น้ำ แต่มันจะกลับจมลงเมื่อไหลผ่านอ่างเก็บน้ำ กระแสน้ำที่ไหลออกจากเขื่อนจึงไม่มีตะกอนมามาก ทำให้น้ำไหลเชี่ยวกวาดเอาตะกอนออกไปเกิดการพังทลาย ประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจ ของเอเชีย ต้องการพัฒนาประเทศ โดยมีการสร้างเขื่อน 11 แห่ง ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง ทางธรรมชาติ ของประเทศที่อยู่ท้ายน้ำ ที่ได้รับ ผลกระทบ ไม่มีสิทธิ์ไม่มีอำนาจใด ๆ ต่อรองกับประเทศมหาอำนาจ เพราะเขาคิดว่า ต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน คือแม่น้ำล้านช้าง ไม่สนใจประเทศที่ได้รับผลกระทบ โดยได้กักน้ำอย่าง มหาศาล “ เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า น้ำในแม่น้ำโขง ลดต่ำสุดในรอบ 50 ปี ทำให้ ทำให้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบ อย่างเช่น เกษตรกร ชาวประมง และระบบนิเวศวิทยาได้เปลี่ยนไปจนทำให้สีน้ำ ของแม่น้ำโขง ปกติจะเป็นสีปูน เราจึงเรียก โขงสีปูน “ ตอนเด็ก ๆคุณครูชอบเอามาออกข้อสอบ บ่อย ๆ แต่ทุกวันนี้ น้ำกลายเป็นน้ำสีใส ซึ่งมันไม่มีผลดีกับระบบนิเวศ ของแม่น้ำโขง (แต่ถ้าคนไม่รู้อาจจะคิดว่ามันสวย) เราคิดว่ายิ่งมนุษย์กอบโกยผลประโยชน์จากธรรมชาติ มากเท่าไหร่ หรือแย่งชิง ทำลายล้าง ธรรมชาติ เมื่อถึงเวลาที่ธรรมชาติ เอาคืนกลับมวลมนุษย์ชาติ จะหนักหนาขนาดไหน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ และสุดท้ายมนุษย์ก็จะเป็นผู้รับผลแห่งการกระทำนั้นเอง เราเห็นได้จากหลายเหตุการณ์เช่นไฟป่าแอมาซอน ไฟป่าที่ออสเตรเลีย สึนามิ แผ่นดินไหว การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น เราควรที่จะเรียนรู้ บทเรียนเหล่านี้ ถ้าเรายังไม่หยุดทำลายธรรมชาติ ท้ายที่สุดธรรมชาติ ก็จะวนกลับมาทำมวลมนุษย์ชาติภาพที่1 Pixabay ภาพที่ 2 Pixabayภาพที่ 3 Pixabay ภาพที่4 PixabayเครดิตภาพปกPixabay