Photo by JC Gellidon on Unsplash บทความนี้ไม่ได้ต้องการที่จะ Discredit ฝ่ายใด เพียงแต่ต้องการกล่าวถึงสิ่งที่เป็นปัจจุบันในสังคมเท่านั้น ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า ต่อให้ยุคไหนๆ อาชีพหมอ ก็ยังเป็นอาชีพที่นักเรียนหลายๆคนใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นและผู้ปกครองหลายๆคนก็ผลักดันที่อยากจะให้บุตรหลานทำอาชีพนี้ อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า สังคมโลกมองอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ดูมีเกียรติ หรือ บางคนเลือกเรียนหมอเพราะมั่นใจแน่นอนว่าอาชีพนี้ไม่ตกงาน หรือ อยากเป็นหมอจริงๆเพราะใจรักการเป็นผู้ให้แต่ไม่ว่าจะเหตุผลไหน ทุกเหตุผลล้วนส่งแรงพุ่งตรงไปยังสถาบันการศึกษา และด้วยความนิยมในสาขาวิชาชีพนี้ ทำให้สถาบันการศึกษาต่างๆโดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ตั้งมั่นที่จะสร้างหลักสูตรแพทยศาสตร์เพื่อรองรับความต้องการเรียนของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองฟังดูแล้วเราอาจจะซาบซึ้งใจ และร้องเฮ้!ในใจ แต่ถ้ามองดูจริงๆแล้ว ที่เราเห็นประเทศไทยเรามีคณะแพทยศาสตร์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแบบนี้...เป็นเพราะถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนองกลุ่มผู้ปกครองที่กระเป๋าหนักมากพอจะจ่ายค่าเทอมให้บุตรหลานในราคาหลัก 1,XXX,XXX ต่อปี เท่านั้น ไม่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อครอบครัวที่มีฐานะปานกลางหรือล่างให้ได้เข้ามาแชร์ที่นั่ง ส่วนโรงเรียนแพทย์ "ดั้งเดิม" ที่เรียนจบแล้วจำเป็นต้องใช้ทุน ก็ยังมีจำนวน เท่าเดิม Photo by Owen Beard on Unsplashและถึงแม้ราคาจะสูงขนาดนั้น แต่เชื่อไหมว่า มีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยเลยจริงๆที่พร้อมจ่าย ด้วยคติที่ว่า ถ้าลูกหลานสอบติด เรียนไหว เราก็จ่ายไหว ที่ผู้เขียนกำลังกล่าวอยู่ตอนนี้ ผู้เขียนกำลังกล่าวถึงคณะแพทยศาสตร์ของหลายๆ มหาวิทยาลัยในไทยที่เพิ่งทำหลักสูตรแพทย์ขึ้นมาใหม่ และมักจะพ่วงด้วยโปรแกรมพิเศษ เช่น "โครงการร่วม" "แพทย์-วิศวะ" "2 ปริญญา" ซึ่งหลักสูตรพิเศษเหล่านี้ให้ผลประโยชน์กับคนเรียนแน่นอนและคุณภาพของโรงเรียนแพทย์เหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าโรงเรียนแพทย์ "เจ้าเก่า" เลยเพราะมีการแชร์องค์ความรู้ร่วมกันอยู่เมื่อพูดถึงผลประโยชน์แล้ว อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงเจ้าของโครงการด้วยเช่นกัน เพราะโครงการพิเศษเหล่านี้ ไม่ได้ใช้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเหมือนที่โรงเรียนแพทย์ดั้งเดิมได้รับเงินสนับสนุน มหาวิทยาลัยต้องนำงบของมหาวิทยาลัยเองมาลงทุน และ เก็บค่าเทอมของนักเรียนเพื่อ "ถอนทุน" คืนในวันข้างหน้า ถ้ามหาวิทยาลัยมองว่าไม่ได้กำไร ใครจะกล้าเอาเงินหลักหมื่นล้านมาลงทุนในหลักสูตรใหม่ๆ Photo by Sharon McCutcheon on Unsplashแรงกระเพื่อมของการจัดตั้งคณะแพทย์ ยังส่งผลต่อสถาบันติวเตอร์ต่างๆ ในฐานะที่ส่วนตัวผู้เขียนเองที่ทำอาชีพติวเตอร์วิชาที่จำเป็นต้องสอบเพื่อยื่นเข้าคณะแพทยศาสตร์ จำนวนนักเรียนที่มาติวเพื่อสอบเข้าคณะแพทย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากๆ สอดคล้องกับจำนวนที่คณะแพทยศาสตร์ผุดขึ้นมาใหม่เช่นกัน กล่าวได้เลยว่า Momentum ของวงการ "คนอยากเป็นหมอ" กระเพื่อมวงการธุรกิจการศึกษาได้อย่างแรงเลยทีเดียวไม่ใช่แค่ประเทศเราเท่านั้น ทางยุโรป, อังกฤษ หรือ ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายๆประเทศ ก็ยังมีแนวโน้มเปิดหลักสูตรโรงเรียนแพทย์ใหม่ๆนี้เพิ่มเติมด้วย ส่วนคณะไหนที่ไม่ทำรายได้ให้กับสถานศึกษาก็มักจะถูกยุบหรือรวมหลักสูตรไป เป็นอนิจจังตามหลักของโลกทุนนิยมนั่นเองPhoto by Luis Melendez on Unsplash