ช่วงเก็บตัวอยู่กับบ้านทำให้เรามีเวลาเยอะมากขึ้นค่ะ ทำให้นึกถึงทริปแอ่วเชียงใหม่ที่ไปมาเมื่อหลายปีก่อน มีเมนูหนึ่งที่เราต้องไปกินทุกครั้ง คือ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ร้านเป็นเพิงเล็กๆ มีโต๊ะให้นั่งกินอยู่ 3-4 โต๊ะ คนขายเป็นคุณลุง คุณป้าที่ทำขายกันอยู่ 2 คนค่ะ ขนมจีนน้ำเงี้ยวร้านนี้รสชาติไม่จัด แต่หอมกลมกล่อมมากๆ น้ำแกงหวานเบาๆ อมเปรี้ยว รสชาติของพริกแกงไม่หนักหน่วง แต่กินเพลินปากมาก เราลองกลับมาทำกินเองหลายครั้งก็ยังไม่ถูกใจค่ะ รสดูเจือจาง พอจะปรุงให้เข้มข้นก็ต้องใส่พริกแกงเยอะจนมันดูหนืดไปหมด น้ำแกงไม่ใสแบบที่เราชอบ ลองกระทั่งตำพริกแกงเองตั้งแต่ต้นก็ยังไม่ได้รสแบบร้านนี้ จนเพื่อนพูดกับเราว่า ทำเท่าไหร่ก็ไม่กลมกล่อมอาจเพราะไม่ได้ใส่ผงชูรส โอ้วว..เราเข้าใจแล้วค่ะ! ขาดความอูมามินี่เอง!! แต่สิ่งที่เราทำไม่ใช่การใส่ผงชูรสนะคะ เราทำอาหารกินเองในบ้านทั้งที ควรจะงดผงปรุงรสทั้งหลายไปเนอะ ถนอมตับไตไส้อ่อนของเราเอาไว้ดีกว่าค่ะ สิ่งที่เราทำคือมาโฟกัสที่หอมกลมกล่อมของน้ำซุปก่อนนำไปปรุงต่างหากล่ะ ทุกครั้งเราจะแกงกับน้ำเปล่าธรรมดาเพราะพริกแกงมีรสชาติเยอะแล้ว ครั้งนี้จึงลองเพิ่มความอูมามิให้ซุปดูค่ะ มาเตรียมเครื่องทำน้ำเงี้ยวอูมามิกัน น้ำซุป โครงไก่ เกลือทะเลเม็ด 1 อุ้งมือ น้ำเปล่า 1 ลิตร พริกแกง พริกแกงน้ำเงี้ยวสำเร็จรูปแบบผัด 300 กรัม ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่หาได้ค่ะ พริกแห้ง 5-10 เม็ด ชอบเผ็ดมากใช้พริกแห้งเล็ก ไม่เผ็ดมาก ใช้พริกแห้งใหญ่ค่ะ หอมแดง 3-5 หัว กระเทียม 3 หัว ถั่วเน่าแผ่น ½ แผ่น เครื่องทำน้ำเงี้ยว หมูสับ 200 กรัม กระดูกอ่อนหมู 300 กรัม เลือดไก่ 1-2 ก้อน ดอกงิ้ว 1 กำมือ มะเขือเทศ 300-500 กรัม เครื่องเคียง พริกแห้งคั่วเกลือ มะนาว หอมแดงเจียว ผักกาดดองเปรี้ยว ถั่วงอกสด ของอาจจะเยอะสักหน่อย แต่ทำออกมาแล้ว กินกันได้ทั้งบ้านเลยนะคะ ทำซุปอูมามิกันเถอะ! นำโครงไก่ไปล้างเลือด แล้วพักไว้ ตั้งน้ำใส่เกลือทะเลลงไป พอน้ำเดือดหย่อนโครงไก่ลงไปต้มค่ะ ในขั้นตอนนี้ ใครอยากเติมผักที่ให้รสหวาน เช่น หัวหอมใหญ่ หัวไชเท้า ก็ใส่ได้นะคะ รวมถึงสมุนไพรที่ให้กลิ่น เช่น รากผักชี กระเทียม แต่เราอยากได้รสหวานหอมของโครงไก่เต็มๆ จึงใช้แค่โครงไก่ค่ะ ต้มโครงไก่ในน้ำเดือดนาน 5 นาทีแล้วลดไฟลง ต้มต่อจนได้กลิ่นหอมจากน้ำซุปแล้วดับไฟได้เลยค่ะ หันมาปรุงพริกแกงกันบ้าง เราเลือกใช้พริกแกงน้ำเงี้ยวสำเร็จรูปชนิดผัดค่ะ แล้วมาปรุงเพิ่มด้วยการตำพริกแห้ง หอมแดง และกระเทียมลงไป ซึ่งจะเพิ่มรสชาติของพริกแกงให้เผ็ดร้อนและหอมมากขึ้นค่ะ ปิ้งถั่วเน่าแผ่นด้วยไฟอ่อนพอให้ได้กลิ่นหอม จากนั้นนำมาตำให้ละเอียดเป็นผง แล้วนำไปตำรวมกับพริกแกงได้เลยค่ะ เตรียมของอื่นๆ กันค่ะ แช่ดอกงิ้วในน้ำอุ่น บางคนไม่กิน ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ แต่ดอกงิ้ว (หรือจะเรียกให้ถูกต้องเลย คือเกสรตัวผู้ของดอกงิ้ว) มีแคลเซียมสูงมากค่ะ กินแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายนะคะ แถมเคี้ยวหนึบๆ ดี หั่นมะเขือเทศ หากเป็นมะเขือเทศเล็กๆ แบบมะเขือเทศราชินีหั่นครึ่งค่ะ แต่ถ้าลูกใหญ่ขึ้นมาแบบมะเขือเทศท้อ ให้หั่น 4 นะคะ ควรเลือกมะเขือเทศที่ให้รสหวานอมเปรี้ยว เพื่อให้ตัดกับความเค็มของพริกแกงค่ะ หั่นเลือดไก่ขนาดพอคำ แล้วนำไปลวกในน้ำร้อนก่อน เพื่อให้เลือดไม่เละ ตอนที่ใส่ลงแกงค่ะ เตรียมของทั้งหมดสำเร็จแล้ว ปรุงกันเถอะค่ะ นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย พอน้ำมันร้อน ใส่พริกแกงลงไปผัดให้ได้กลิ่นหอม ใส่หมูสับ กระดูกอ่อนหมู และมะเขือเทศครึ่งหนึ่งลงไป ผัดพอให้หมูผิวตึงๆ และมะเขือเทศสลดลง เทของจากในกระทะใส่ลงไปหม้อซุปอูมามิจากโครงไก่ที่เราตั้งน้ำไว้ให้ร้อนค่ะ พอน้ำเดือด ใส่ดอกงิ้ว เลือดและมะเขือเทศที่เหลือลงไป ไฟไม่ต้องแรงนะคะ ชิมรส ควรจะออกรสเค็มอ่อนๆ เผ็ดจากพริกแห้งและเครื่องแกง หวานเบาๆ จากตัวน้ำซุป และหวานเปรี้ยวจากมะเขือเทศค่ะ เราไม่ได้ปรุงรสเพิ่มเลยค่ะ ซุปจากโครงไก่ให้รสชาติกลมกล่อม อร่อยขึ้นมากจากครั้งก่อนๆ แกงไม่ต้องทิ้งไว้นาน แค่รสชาติทุกอย่างรวมกันก็ตักขึ้นกินได้เลยค่ะ บีบมะนาวและโรยหอมเจียว กินกับพริกแห้งคั่วเกลือเผ็ดจี๊ด ผักกาดดอง และถั่วงอก ลำแต้ๆ เจ้า สนใจรับขนมจีนน้ำเงี้ยวซัก 3-4 จับมั้ยคะ? >