สวัสดีครับ ผมซันชายอยากจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวกับรถไฟ ปลายทาง" กรุงเทพ " สถานีรถไฟกรุงเทพ หรืออีกชื่อ สถานีรถไฟหัวลำโพง (Hua Lamphong Railway Station) เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่มาก เพราะว่าเป็นสถานีหลัก ส่วนตัวผมเดินทางรถไฟค่อนข้างบ่อย เพราะที่ที่ผมอยู่มีสถานีรถไฟ และอีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบใช้รถไฟคือ ราคาถูกมาก ๆ ผมนั่งจากสถานีต้นทางไปถึงปลายทางกรุงเทพเพียงแค่ 6 บาทเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงได้ ก็จะถึงจุดหมายปลายทาง ที่นี่คงจะเป็นสถานีรถไฟที่เย็นที่สุดแล้ว หลังจากลงรถไฟมาเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่กันแน่นอน เพราะมีความสวยงาม และยังมีรถไฟเยอะมาก ๆ หลังจากนั้นเราก็ออกมาจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ซึ่งทางออกจะมีอยู่ 2 ทาง คือตรงไปข้างหน้ากับเลี้ยวขวา ถ้าไปทางขวาก็จะมี MRT หัวลำโพงเลย หรือเดินไปอีกหน่อยก็จะมีจุดรอรถประจำทาง ซึ่งทางนี้ก็จะไปสำเพ็งกับเยาวราชได้ แต่วันนี้ที่ผมได้ไปคืออีกทางหนึ่ง ออกมาข้างนอกก็จะหน้าตาประมาณนี้ บอกได้เลยว่า สำหรับคนที่ไม่เคยมารับรองเลยว่าหลงแน่ ๆ แต่ยุคนี้เป็นยุคสมัยของอินเทอร์เน็ต แนะนำให้เปิดแผนที่ไว้ ใครอยากจะไปที่ไหนก็ค้นหาได้เลย ซึ่งสำหรับผมก็จะมาแชร์ประสบการณ์กับสถานที่ที่ได้ไปมา หลังจากที่ออกมาสักพักก็ได้เข้าเซเว่น แล้วก็ค้นหาข้อมูลเดินทางไปที่กรมเจ้าท่า แน่นอนสำหรับคนพึ่งเคยไปก็จะประสบปัญหาหลง ขึ้นรถเมย์ผิดฝั่ง ซึ่งตัวช่วยที่ดีที่สุดคือ การสอบถามประชาชนในระแวกนั้น จนในที่สุดก็ได้มาถึงกรมเจ้าท่า กรมเจ้าท่า เป็นท่าเรือใช้สำหรับการโดยสารผู้คน ถ้าเปรียบกับบนบกก็คงป้ายรถเมย์หรือสถานีรถไฟ บรรยากาศในการรอเรือธงสีส้มที่จะใช้ในการเดินทางก็ดีเหลือเกิน เพราะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเหมาะแก่การถ่ายรูปสุด ๆ ไปเลย ใช้เวลาในการรอไม่นาน ก็มีเรือมาจอดเทียบท่ารอรับผู้โดยสารแล้ว ส่วนมากผู้ใช้บริการก็จะเป็นนักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ ก็จะมีเด็กนักเรียน นักศึกษาบ้าง ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ มีค่าใช้จ่าย 15 บาทตลอดสายต่อครั้ง ซึ่งสถานที่ต่อไปที่จะไปคือ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณ ฯ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นมาก หากเป็นชาวพุทธ สามารถเข้าไปสักการะบูชา คนไทยเข้าฟรี ส่วนชาวต่างชาติจะเสียค่าเข้าบริการ หลังจากทำบุญ สักการะบูชา ถ่ายรูปเสร็จ ก็ไปรอที่ท่าเรือเพื่อไปสถานที่ต่อไป ซึ่งก็คือ ท่าวังหลัง ท่าวังหลัง เป็นท่าที่ติดกับโรงพยาบาลศิริราช เมื่อขึ้นไปที่ท่าก็จะมีของกินมากมาย เป็นเหมือนกับตลาด มีทั้งแหล่งช็อปปิ้ง แหล่งกิน มากมาย ซึ่งแถวนี้ก็จะมีนักศึกษาอยู่มากมาย ของมหาวิทยาลัยมหิดล พอเดินทะลุไปก็จะเจอวัด ในเวลานั้นก็มีงานวัด จึงได้มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศของงานวัด พอหลังจากเดินเล่นงานวัดเสร็จ เราก็จะไปหาอะไรกินกัน โดยไปคาเฟ่ที่ชื่อว่า " สวง อยู่ที่วังหลัง " เป็นคาเฟ่แนวฮิป ๆ คลาสสิค มีของสะสมโบราณมากมาย ทั้งของยุค 80 90 ที่เราเคยรู้จักและคุ้นเคย ร้านมี 2 ชั้น โดยชั้นแรกจะเป็นชั้นที่ทำอาหาร ส่วนชั้นที่ 2 เป็นคาเฟ่ที่จะมาถ่ายรูปเล่นและรับประทาน ในเรื่องของของกิน เป็นเมนูของหวาน มีโทสต์กับน้ำหวาน ถ้าพูดถึงรสชาติ ถือว่าอร่อยมาก ๆ หน้าตาน่ากิน แต่ในเรื่องของราคาก็อาจจะแพงนิดหน่อย แต่ถ้าไปหลาย ๆ คนก็คุ้มอยู่ หลังจากอิ่มท้องและเริ่มฟ้ามืด เราก็ได้เดินทางกันต่อไปยัง ท่ามหาราช เป็นท่ายอดฮิต เพราะมีทั้งแหล่งของกินมากมาย ร้านต่าง ๆ นา ๆ รวมถึงที่ถ่ายรูป โดยเฉพาะในเวลาฟ้าเริ่มไม่สว่าง ก็จะมีไฟเปิดขึ้นมาระยิบระยับ สวยงามมาก ๆ ถ่ายรูปออกมาได้ดีงามมาก และเรายังไม่จบทริป เหลือเวลาอีกหน่อย เราก็ตัดสินใจเดินออกมาแล้วขึ้นรถเมย์ ไปปิ่นเกล้ากันต่อ ซึ่งเราไปกันที่ ตลาดนัดอินดี้ปิ่นเกล้า เป็นตลาดที่มีของกินมากมาย หลากหลายชนิด มีเมนูที่อยากแนะนำทุก ๆ คน เป็นเมนูน้ำปั่น มีท็อปปิ้ง ไม่รู้ชื่อเมนูแต่อร่อยมาก ๆ เดี๋ยวจะแปะรูปให้นะครับ และเราก็จบทริปกับการเดินทาง 1 วันในกรุงเทพ ในทางขากลับก็ใช้การเดินทางของ MRT และต่อด้วย Airport Rail Link จนถึงที่อยู่ของพวกเรา ขอขอบคุณทุกคนมากนะครับที่อ่านมาถึงตอนนี้ ถ้าผมมีเรื่องอะไรที่อยากแชร์ ไว้มีโอกาสดี ๆ จะมาแชร์ประสบการณ์ดี ๆ นี้อีกนะครับ ภาพโดย ซันชาย