ภัสเป็นคนที่มีน้ำหนักอยู่ในช่วง 46-48 กก. ประมาณนี้มาตลอด ต่อในในช่วงนั้นจะกินเยอะ กินจุกจิก กินวันละ 4 มื้อก็ตาม น้ำหนักก็จะช่วงในช่วงนี้ไม่เกิน 50 กก. ค่ะ แต่ที่พูดนี่ไม่ได้จะมาอวดหรืออะไรนะคะ อย่าเพิ่งหมั่นไส้และปิดบทความนี้ทิ้งไป ประเด็นมันอยู่ตรงที่ถึงแม้น้ำหนักของเราจะไม่เคยแตะถึง 50 กก. แต่รูปร่างในช่วงที่กินเยอะ ไม่ออกกำลังหายนั้นจะตุ้ยนุ้ย แก้มเยอะ ขาใหญ่ตัน ตูดแตกอย่างเห็นได้ชัดค่ะ พอเริ่มขึ้น ม.5 มีรุ่นพี่ที่แอบปลื้มอยู่ชมรมเดียวกัน ต้องเจอกันทุกวัน เลยเริ่มตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวเอง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ มี 3 วิธีการลดน้ำหนัก ลดสัดส่วนที่เห็นผลทั้ง 3 วิธี แต่เอฟเฟคในตอนหลังจะต่างกันออกไป ก็ดูกันว่าแต่ละวิธีมีอะไรบ้าง ผลลัพธ์เป็นอย่างไร และสุดท้ายแล้วภัสจะแนะนำวิธีที่ดีที่สุด (ส่วนตัว) ให้ค่ะ PS. ขออภัยด้วยนะคะที่บางรูปอาจจะไม่ชัด เป็นรูปตั้งนานมากแล้วค่ะ 1. ออกกำลังกายด้วย T25 + ทานอาหารคลีน ในช่วงที่ภัสอยู่ ม.5 การออกที่เรียกว่า T25 นั้นค่อนข้างดังค่ะ ถามว่าจะมันคืออะไร T25 ก็คือการออกกำลังกายเป็นเวลา 25 นาที แบบ Non-stop ไม่พัก ซึ่งจะมีตารางมาให้เราเรียบร้อยว่าวันนี้ต้องออกกำลังกายตามคลิปวิดีโอตัวไหน ผลลัพธ์ (Result) : ภัสบอกได้เลยว่ามันโหดมากค่ะ เหนื่อยมาก หลังจากออกเสร็จคือเหงื่อไหลเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ภัสไม่แนะนำอย่างเด็ดขาด ถ้าคุณเพิ่งเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ T25 ต้องการความอึดอย่างมหาศาล แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้คือน้ำหนักมันลดลงอย่างฮวบฮาบภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ แถมพอเปิดเทอมไปเจอเพื่อน เพื่อนที่เคยชอบตีตูดเราถึงกับตกใจเพราะทุกอย่างมันหายไปหมดเลย อาจารย์ คนรอบตัวทักกันหมดว่าไปทำอะไรมา ประเด็นมันอยู่ที่ว่าในระหว่างที่ภัสทำ T25 ภัสก็ทานน้อย ทานอาหารคลีนไปด้วยค่ะ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักมันลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะเราเผาผลาญออกมามากเกินไปกว่าปริมาณที่เราเอากลับเข้าไป ทำให้นอกจากจะผอมแล้วก็ยังดู ‘โทรม’ ไปด้วยค่ะ ช่วงนั้นภัสจะดูหมองคล้ำ โทรม เหมือนคนป่วย เพราะเราได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากการกินคลีนนั่นเองค่ะ คำแนะนำ (Suggestion) : ถ้าหากจะเริ่มออกกำลังกายแบบ T25 แนะนำให้ทานในปริมาณปกติและทานอาหารคลีนให้เต็มที่ได้เลยค่ะ บางมื้ออาจไม่จำเป็นต้องทานอาหารคลีนก็ได้ แต่ที่สำคัญคือต้องให้ร่างกายได้รับวิตามิน E สารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอ ไม่เช่นนั้นก็จะโทรมแบบภัสค่ะ 2. หากิจกรรม หรืองานทำเยอะๆ ช่วงที่ภัสเริ่มรับสอนภาษาอังกฤษ ภัสค่อนข้างเครียด และทุ่มเทกับการเตรียมการสอนจนบางทีกินข้าวไม่ทัน หรือเรียนเสร็จตอนเย็นก็ต้องรีบไปสอนหนังสือต่อ ทำให้ต้องเดินๆ วิ่งๆ อยู่ตลอด และไม่มีเวลากินจุกจิก หรือกินเยอะวันละ 3-4 มื้อเหมือนเมื่อก่อน ผลลัพธ์ (Result) : ภัสผอมลงจากการมีไลฟสไตล์แบบนั้นเช่นกันค่ะ รูปร่างเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้อยู่กับที่ ไม่ได้กินของจุกจิกเท่าเมื่อก่อน แต่ข้อเสียคือมันจะโยโย่ถ้าหากเราเลิกใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วกลับไปมีชีวิตแบบเดิม สุขภาพอาจจะไม่ค่อยดีเพราะความเครียดค่ะ ยอมรับเลยว่าช่วงนั้นมีอะไรให้เครียด ให้เป็นกังวลอยู่บ้าง เลยสรุปได้ว่าสาเหตุของการผอมลงในครั้งนั้น นอกจากจะเกิดจากการกินน้อยลง และทำนู่นทำนี่มากมายแล้ว ยังเกิดจากสภาพจิตใจด้วยนั่นเอง ซึ่งไม่ดีเลยค่ะ 3. ในช่วงที่ถังแตกมาๆ จนต้องใช้เงินวันละ 100 บาท ถ้าหากว่ามีสาวๆ คนไหนอาศัยอยู่ในย่านเจริญ หรือย่านที่ค่าครองชีพสูงๆ ล่ะก็ อาจไม่สามารถประทังชีวิตด้วยเงินเพียง 100 ได้ค่ะ แต่โชคดีที่ภัสพักอยู่หอใน ทำให้ได้กินอาหารโรงอาหารในราคาที่เป็นมิตรและเงิน 100 ก็ค่อนข้างพอถูไถไปได้ แต่ก็ยังถือว่าน้อยมากอยู่ดีค่ะ ผลลัพธ์ (Result) : จากการทำวิธีนี้ ทำให้ผอมลงก็จริงค่ะ แต่รู้สึกว่าตัวเองสุขภาพไม่ค่อยดี พอตกดึกก็หิวมากจนต้องรีบนอน รู้สึกร่างกายไม่กระปี้กระเป่าด้วย แถมบางทีตอนกินข้าวก็หิวมากจนมือสั่น รู้สึกตัวเองเป็นน่าสงสารมากๆ เลยค่ะ What’s the best strategy? แล้ววิธีที่ดีที่สุดล่ะ? วิธีที่ดีที่สุดสำหรับภัสคือการออกกำลังกาย อย่างน้อยสัก 2-3 วัน ต่อสัปดาห์ก็ยังดีค่ะ และในวันที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็อาจมีการควบคุมการกินบ้างเล็กน้อย ปล่อยฟรีบ้างในบางครั้ง เพื่อไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางจนเกินไป สิ่งที่สำคัญคือการทานอาหารที่ดี และทำให้แน่ใจว่าร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอในทุกๆ วัน วิธีนี้ช่วยให้เราได้ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มพูนทั้งสุขภาพและสมองที่ปลอดโปร่ง เราไม่รู้สึกหิวโซจนปล่อยให้ตัวเองดูน่าสงสาร ยังไงก็แล้วแต่ การควบคุมน้ำหนักที่ดีที่สุดก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องการออกกำลังกายและควบคุมการกินอยู่ดีค่ะ วันนี้ภัสก็ได้แชร์ให้เพื่อนๆ ฟังแล้วว่าการลดน้ำหนักที่ดีและไม่ดีเป็นอย่างไร ใครที่อ่านแล้วอาจนำเอาแต่สิ่งที่ดีๆ ที่ภัสแนะนำไปปรับใช้เป็นของตัวเองดูก็ได้ แล้วพบกันใหม่นะคะ ลากันด้วยหุ่นในปัจจุบัน