ในบทความนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เราได้ฟังมาจากเจ้าตัวโดยตรง แต่เพื่อนมาเล่าให้ฟังอีกที ซึ่งอยู่ในหมวดหมู่ของปัญหาหนี้สิน ที่อยู่ ๆ ก็มียอดหนี้เข้ามาโดยที่ไม่เคยรู้เรื่องใด ๆ เลย หลังจากได้คุยกับบริษัทบัตรแล้ว ก็คิดว่าเรื่องจะจบ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะอีกประมาณ 2 ปีหลังจากนั้น ก็มีหนังสือขออายัดเงินเดือนมาแจ้งที่ฝ่ายบุคคล ... เกิดอะไรขึ้นบ้าง? ตามไปอ่านกันต่อเลยค่ะปกติแล้วบัตรกดเงินสด จะใช้ได้ทั้งกดเงินสดและผ่อนสินค้า ทีนี้เรื่องมาเกิดก็ตรงที่ อยู่ ๆ ก็เกิดมียอดการกดเงินสดเพิ่มเข้ามาจำนวน 25,000 บาท โดยที่บัตรนี้กดเพื่อผ่อนค่าโน๊ตบุ๊คอย่างเดียวเท่านั้น และได้จ่ายหมดไปเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าของบัตรมั่นใจว่าไม่ได้กดเงินสดใด ๆ ทั้งสิ้น จึงติดต่อไปที่บริษัทบัตรต้นทาง หลังจากคุยรับเรื่องเอาไว้แล้ว ก็ส่งเอกสารหลักฐานการลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเข้าไปเพิ่ม ทางบริษัททิ้งท้ายเอาไว้ว่า จะตรวจสอบให้อีกครั้ง จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อใด ๆ กันอีกเลยจนกระทั่ง 6 เดือนผ่านไป กลับมีพนักงานทวงหนี้แจ้งมาว่า กำลังจะส่งฟ้องศาลหนี้ค้างชำระจำนวน 30,000 บาท (โดยประมาณ) เจ้าตัวไม่สนใจเพราะคิดว่าไม่ได้เป็นหนี้ก้อนนี้ แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เพราะ 2 ปีต่อมา ถูกอายัดเงินเดือนแบบไม่ทันตั้งตัว!!ด้วยความสงสัยเราจึงถามกลับไปทีละเหตุการณ์ แต่ ณ ที่นี้ ขอสรุปออกมาแบบภาพรวม ว่ามีจุดไหนบ้างที่เจ้าของบัตรพลาดไปอย่างน่าเสียดาย และมีจุดไหนที่เราทุกคนควรระวังเอาไว้ เพราะดูทรงแล้ว หากโชคร้ายขึ้นมาจริง ๆ เหตุการณ์พวกนี้อาจเกิดขึ้นกับเราได้เช่นเดียวกันก่อนอื่นเลย ทุกสิ้นเดือน หากยังมีหนี้ก้อนนี้แจ้งมา เราต้องไม่เพิกเฉย ต้องติดต่อไปที่บริษัทบัตรทันที ว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือจะต้องให้เราทำยังไง? เพราะคุณยังแจ้งหนี้กับเรามาอยู่ ... จุดที่พลาดคือ เจ้าของบัตรคิดแค่ว่า “ฉันไม่ได้กดเงินสดมาใช้ ฉันไม่สนใจ” เรื่องก็เลยบานปลาย ...หากทางบริษัทไม่ทำอะไรเลย เราก็ต้องทำ เพราะลงบันทึกประจำวันอย่างเดียว มันไม่เห็นหลักฐาน ดังนั้นให้ทางบริษัทบัตรบอกรายละเอียดพิกัดการกดเงินมาให้หมด แล้วเราก็เอามาดูว่า ช่วงเวลานั้น เราอยู่ที่ไหน ทำอะไร ยิ่งเราทำงานประจำยิ่งดี เพราะเวลาเข้า-ออกงาน จะบอกได้ว่าเราทำงานอยู่ แต่หากนอกเวลาทำงาน ก็จะได้นำข้อมูลมาทบทวนว่าเราอยู่ที่ไหน ณ เวลานั้น จากนั้นจะได้หาหลักฐานไปแจ้งความเพิ่มต่อไป หรือจะร้องเรียนไปที่เบอร์ 1213 "ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย" อีกทางก็ได้เราเคยได้ฟังทนายท่านหนึ่งแนะนำในทีวี ท่านบอกว่า จะเป็นไปได้ไหม หากเราจะเก็บหลักฐานทุกวัน ว่าเราทำอะไรที่ไหนเอาไว้ อย่างน้อย 6 เดือน ค่อยทำลายทิ้งไป เช่น สลิปการไปซื้อของต่าง ๆ หรือภาพถ่ายในโทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งพอมาได้ฟังเรื่องนี้ คิดในใจทันทีว่า มันมีประโยชน์จริง ๆ ซะด้วยเมื่อบริษัทแจ้งมาว่าจะฟ้องศาล แต่เรากลับนิ่งเฉย ทางเจ้าหนี้ก็เดินเรื่องไปตามระเบียบ ซึ่งศาลท่านไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น จึงพิพากษาลับหลังไปตามฟ้อง ... ทางเจ้าของบัตรท้วงกลับมาว่า จริง ๆ ต้องการไปแจ้งให้ศาลท่านทราบเหมือนกัน แต่เพราะไม่ได้รับหมายศาล จึงทำให้พลาดโอกาสนี้ไป ซึ่งตรงนี้หากเป็นจริง ก็จะเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้ เพราะที่ศาลไม่มีใครมารู้ปัญหาของเรา ทุกคนก็ต่างทำหน้าที่ตามเอกสารที่ฟ้องมาเท่านั้นเพื่อนเราทิ้งท้ายไว้ว่า เจ้าของบัตรอยากขอรื้อคดีกลับมาสู้ใหม่ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจยอมให้อายัดเงินเดือนแทน เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินเรื่อง รวมถึงค่าทนาย ดูแล้วจะมากกว่าจำนวนหนี้ และก็ไม่รู้อีกว่าจะชนะหรือแพ้ ดูทรงแล้วจะแพ้คดีด้วยซ้ำไป เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ดำเนินการหาหลักฐานอะไรเอาไว้เลย ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ พยายามเก็บเงินก้อนให้ได้ และเจรจาต่อรองปิดหนี้ เพราะการให้อายัดเงินเดือนไปเรื่อย ๆ อีกนานเลยทีเดียว กว่าหนี้สินก้อนนี้จะหมดไปเหตุการณ์ในเรื่องนี้ ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ไม่ควรเพิกเฉยต่อหนี้สินทุกรายการ ไม่ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ควรติดตามชำระสะสางให้ถึงที่สุด และเราก็จะได้รู้ด้วยว่าหนี้สินก้อนนั้น ๆ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร หากเป็นความผิดพลาดของระบบจริง ๆ ทางบริษัทเจ้าของบัตรก็ควรออกมารับผิดชอบ แต่หากสืบสาวราวเรื่องแล้ว กลับเป็นความผิดพลาดของเราจริง ๆ ก็จะได้แก้ไขที่ต้นเหตุได้ต่อไปเรื่องนี้ยอมรับว่า ต้องขอบคุณประสบการณ์จากเจ้าของบัตร ที่ทำให้คนฟังอย่างเรา เหมือนมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เผื่อว่าวันหนึ่งหากโชคร้าย (ซวย) เป็นของเรา จะได้ตั้งรับกับปัญหาอย่างมีสติได้ ... ท้ายนี้ ขอให้เจ้าของบัตร ได้รับอานิสงส์จากการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้ด้วยนะคะกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินและการเงินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะบทความน่าอ่าน :- หนี้เสียต้องใส่ใจ ระวัง!! ถูกอายัดเงินเดือนและเงินฝากแบบไม่รู้ตัว- 5 ข้อต่อไปนี้ จะทำให้คุณมีหนี้สินท่วมหัวไม่รู้จบและปลดหนี้ยาก- ลูกหนี้ควรรู้ 5 ช่องทางการขอส่วนลดจากยอดหนี้ค้างชำระ (นาน)ขอขอบคุณภาพจาก : ภาพปก : FirmBee / Pic 1 : e-gabi / Pic 2 : Aymanejed / Pic 3 : QuinceCreative / Pic 4 : stevepb