ใครที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจกับปัญหาผิวมันเยิ้ม สิวเห่อ ที่ไม่ว่าจะแก้ยังไงก็ไม่มีวี่แววว่าจะหายซักที มิหนำซ้ำ ภัยร้ายจากแสงแดด ฝุ่นควัน และ มลพิษจาก PM 2.5 ยังมะรุมมะตุ้มซ้ำเติมเข้าไปอีก เหนื่อย ! เหนื่อย ! เหนื่อย ! จนอยากจะถอดใจแล้ว แต่ ! แต่ ! แต่ ! อย่าเพิ่งถอดใจไปน้า วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกไอเทมกู้หน้ามัน หน้าเป็นสิวแล้วจ้าาาาาา ลบเครื่องสำอางบนใบหน้าด้วย Micellar Water สาว ๆ ผิวผสม - ผิวมัน ต้องพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางด้วยนะ เพราะ คนหน้ามัน เป็นสิวง่าย ไม่เหมาะกับการใช้คลีนซิ่งประเภท น้ำมัน ในการเช็ดเครื่องสำอางสักเท่าไหร่ เพราะว่า ความมัน ความเข้มข้นของเนื้อผลิตภัณฑ์ จะยิ่งไปเพิ่มน้ำมันบนใบหน้า และ กระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายอีกด้วยจ้า แนะนำให้เพื่อน ๆ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางประเภท Micellar Water เนื่องจาก คุณสมบัติในระดับโมเลกุลของตัว Micellar Water จะสามารถแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ละลายน้ำได้ และ ส่วนที่ละลายน้ำมันได้ ดังนั้น การใช้ Micellar Water จึงสามารถช่วยให้เราทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางที่ละลายในน้ำได้ และ ละลายในน้ำมันได้ไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้น เนื้อสัมผัสที่เป็นน้ำยังช่วยลดโอกาสการอุดตันของรูขุมขนบนใบหน้าที่เกิดจากน้ำมันบนผิวได้อีกด้วย 2. ใช้เจลล้างหน้าสำหรับผิวผสม - ผิวมันโดยเฉพาะ หลังจากลบเครื่องสำอางแล้ว อย่าลืมทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวผสม - ผิวมันโดยเฉพาะ เพราะ การใช้ Micellar Water เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำความสะอาดใบหน้าได้หมดจดเพียงพอ ดังนั้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ตรงกับสภาพผิวเรามากที่สุด เพื่อน ๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีลักษณะเป็นเจลใส เพราะ เนื้อเจล จะค่อนข้างบางเบา และ เหมาะกับสภาพผิวมันมากกว่าเนื้อครีมข้น ๆ ที่ให้ความรู้สึกหนักหน้า อ๊ะ ! อ๊ะ ! อย่าเพิ่งคิดว่า เนื้อเจลใส ๆ จะล้างทำความสะอาดใบหน้าได้ไม่สะอาดเท่าเนื้อครีมนะ เพราะ แม้ว่าจะเป็นเนื้อเจลใส แต่มันยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างอ่อนโยน ล้ำลึกหมดจด เช่นเดียวกันกับเนื้อครีมเลยล่ะจ้า 3. ใช้โทนเนอร์เพื่อเตรียมผิวก่อนการบำรุง โทนเนอร์ ใครว่าไม่สำคัญคะ รู้หรือไม่ การใช้โทนเนอร์ภายหลังขั้นตอนการล้างหน้า นอกจากจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า ทำความสะอาดผิวหน้าได้สะอาดหมดจดแล้วจริง ๆ ยังเป็นการช่วยเตรียมผิวของเรา เพื่อให้พร้อมรับการบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ในขั้นตอนต่อไป สาว ๆ ควรเลือกดูส่วนผสมในโทนเนอร์ที่ปราศจากน้ำมัน แอลกอฮอล์ และ น้ำหอมสังเคราะห์ เพื่อลดปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง อาการสิวเห่อ ที่มักจะเกิดขึ้นกับคนหน้ามัน และ เป็นสิวง่าย 4. เลือกใช้ BHA ความเข้มข้นสูงสุดไม่เกิน 2% เราสามารถเลือกใช้กรด BHA หรือ ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อ กรด Salicylic Acid ในปริมาณความเข้มข้นสูงสุดไม่เกิน 2 % เพราะ ถือว่าเป็นความเข้มข้นที่มากเพียงพอต่อการรักษาสิว กรด BHA จะทำหน้าที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดลอกออกได้ไวยิ่งขึ้น และ ยังช่วยเข้าไปละลายไขมันที่อุดตันตามรูขุมขนบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย ข้อควรระวังในการใช้กรด BHA คือ ควรทดสอบอาการแพ้ และ ระคายเคืองก่อนการใช้ลงบนผิวหน้าโดยตรง เช่น การทดสอบด้วยการทาบาง ๆ ที่หลังมือ ข้อพับ หรือ กรอบหน้า จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อสังเกตดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ เราสามารถทดลองใช้เฉพาะจุด และ พื้นที่ที่มีปัญหาบนใบหน้าเป็นส่วน ๆ ได้ หากไม่มีอาการระคายเคืองใด ๆ จึงสามารถเริ่มใช้ได้ตามปกติ ส่วนปริมาณความเข้มข้นที่แนะนำให้เลือกใช้ แนะนำให้เริ่มจากความเข้มข้นในระดับน้อยไปหามาก แต่ไม่เกิน 2 % วิธีการใช้ คือ ให้ทาเพียงบาง ๆ บนใบหน้าในบริเวณที่มีปัญหาเฉพาะจุด หรือ สามารถทาทั่วทั้งใบหน้าก็ได้ กรด BHA สามารถใช้ได้ถึงวันละ 2 ครั้ง คือ เช้า และ เย็น หรือ เพื่อน ๆ จะเลือกใช้แค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงสภาพผิวเราด้วยว่า สามารถใช้ในปริมาณ และ ความถี่เท่าใดจึงจะไม่เกิดอาการระคายเคือง ถ้าจะเลือกใช้แค่ในตอนเช้า ต้องอย่าลืมทาครีมกันแดดทับด้วยนะจ๊ะ เพราะ กรด BHA จะทำให้ผิวเราไวต่อแสงแดด และ ผิวหน้าเราจะหมองคล้ำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ข้อสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ห้ามลืมก็คือ ไม่ควรใช้กรด BHA ร่วมกับ กรดวิตามินซี หรือ กรด AHA ในคราวเดียวกัน เพราะ จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวหน้าระคายเคืองหนักเข้าไปอีก หากต้องการใช้ ควรใช้สลับเวลากันจะดีกว่า 5. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อบางเบา แม้ว่า เพื่อน ๆ จะเป็นสาวผิวมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทาครีมบำรุงไม่ได้เลยนะคะ บางครั้งผิวหน้าที่แห้งตึงมากเกินไป ก็กระตุ้นให้เกิดสิวได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เราต้องเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิวของเรามากที่สุด แน่นอนว่า สิ่งที่สาวผิวมัน หรือ สาวผิวผสม ควรหลีกเลี่ยงให้ห่างเลย คือ ครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อข้น ๆ เนื้อหนา และ เนื้อหนัก เพราะ แทนที่จะช่วยฟื้นบำรุงผิวของสาว ๆ มันกลับยิ่งไปทับถมบนหน้า จนทำให้ผิวเราหายใจไม่ออก ก่อให้เกิดการอุดตัน และ เป็นสิวเห่อหนักตามมาได้ สาว ๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภท เซรั่ม เจล หรือ เจลครีม ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ( Oil Free ) ในการบำรุงผิวหน้า เพื่อป้องกันปัญหาการอุดตันของรูขุมขนบนใบหน้าจากน้ำมันที่อยู่ในครีมบำรุง ที่จะก่อให้เกิดสิวตามมาในที่สุด 6. ใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม แสงแดด คือ ภัยตัวร้ายที่ทำร้ายผิวหน้าของสาว ๆ ดังนั้น เราควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวมัน และ ผิวผสมโดยเฉพาะ การเลือกครีมกันแดด ควรเลือกประเภทเนื้อบางเบา ซึมเร็ว ไม่ทำให้หนักหน้า เช่น เนื้อเจล เจลครีม และ ฟลูอิด เพื่อป้องกันการอุดตันบนใบหน้า และ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปราศจากส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ ซิลิโคน น้ำหอม และ น้ำมันสังเคราะห์ต่าง ๆ เพราะ ส่วนประกอบเหล่านี้จะเป็นตัวการเข้าไปกระตุ้นผิว ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และ เกิดการอุดตันของรูขุมขน ในผู้ที่มีแนวโน้วผิวมัน และ เป็นสิวง่ายอยู่แล้ว 7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส การพักผ่อนให้เพียงพอ การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การทำจิตใจให้แจ่มใส ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีมาจากภายใน สู่ ภายนอก ความเครียด และ ความวิตกกังวลต่าง ๆ เป็นอีกปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเราไม่สมดุล และ มีผลต่อการกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันที่มากเกินความจำเป็น เมื่อมีน้ำมันที่ผลิตออกมามากเกินบนใบหน้า ไปจับตัวกับแบคทีเรีย และ เซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะสามารถก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน เกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิว เพราะ รูขุมขนที่อุดตัน จะไม่สามารถระบายน้ำมันออกมาได้ ดังนั้น สาว ๆ ควรทำจิตใจแจ่มใส เพื่อช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุล ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเพื่อเปิดรูขุมขน และ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกายทางเหงื่อด้วย ทั้ง 7 วิธี ที่กล่าวมา เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับ ใครหลาย ๆ คน ที่เผชิญกับปัญหาผิวมัน เป็นสิว และ อยากลองรักษาด้วยตัวเองก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ทั้งนี้ การรักษาของแต่ละคน อาจใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้น ท่องเอาไว้ค่ะ ใจเย็น ๆ ใจร่ม ๆ อย่าใจร้อน อย่าส่องกระจกจนจิตตกวันละสามเวลา ให้สะกดจิตตัวเองไว้เลยค่ะว่า ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป รักษาไปทีละขั้นทีละตอน อดทนเข้าไว้ เพื่อใบหน้าที่สวยใสของเรา สุดท้าย อย่าลืมเด็ดขาด ! ! ! ห้ามใช้ทุกอย่างทีเดียวพร้อมกันหมดนะ ! ให้ใช้ไปทีละอย่างเพื่อดูว่าเราแพ้ หรือ ระคายเคืองไหม เว้นระยะแต่ละอย่างประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะ ถ้าใช้รวดเดียวทุกอย่าง เราจะไม่รู้เลยว่า หน้าเราแพ้ตัวไหนบ้าง การรักษาก็จะยิ่งยาก และ กินเวลานานขึ้นไปอีกนะจ๊ะสาว ๆ แหล่งข้อมูลรูปภาพภาพหน้าปก ภาพถ่ายโดย Silviarita จาก Pixabayภาพประกอบที่ 1 ภาพถ่ายโดย Kalachairina จาก Pixabayภาพประกอบที่ 2 ภาพถ่ายโดย RitaE จาก Pixabayภาพประกอบที่ 3 ภาพถ่ายโดย Silviarita จาก Pixabayภาพประกอบที่ 4 ภาพถ่ายโดย Fyne จาก Fyneskinภาพประกอบที่ 5 ภาพถ่ายโดย Monfocus จาก Pixabayภาพประกอบที่ 6 ภาพถ่ายโดย AdoreBeautyNZ จาก Pixabayภาพประกอบที่ 7 ภาพภ่ายโดย AbsolutVision จาก Pixabay