เร่ร่อน : ย่านพระนครตอนฝนโปรย ฟ้าหม่น ฝนมา ผมรีบหาที่หลบ มองฝ่าห่าฝนจาก ท่ามหาราช วันนี้คงไม่ได้ข้ามฟากแล้ว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร มาเมื่อไหร่อะไร ๆ ก็คงยังอยู่ ไม่นานลมยามเย็นก็หอบฝนพ้นผ่าน ดวงอาทิตย์ไม่ได้หายไปกับลมหอบ มันหลับก่อนเวลาอยู่หลังเมฆสีเทาทึม ก่อนออกมาไม่มีแววฝน ความตั้งใจคืออยากนั่งเรือข้ามฟากไปหาสารพัดของกินที่วังหลัง ป่านนี้แม่ค้าหลายแผงคงเก็บของแล้ว มองไปข้างหน้า ประสา แม่น้ำย่อมโลดเต้นเมื่อมีเรือร่อนระบำอยู่บนฟลอร์ แต่เจ้าพระยายามนี้ดูซึม ๆ พอกับผมที่หมดอารมณ์ จะกลับเลยหรือจะอยู่ต่อ ถ้าอยู่จะทำอะไร ทำที่ไหน ทำทำไม ทำให้มันได้อะไรกับอารมณ์ซึม ๆ ผมตัดสินใจกลับ แต่ไหน ๆ จะกลับ ก็เห็นควรหยิบมือถือส่องท่าน้ำไปทั่ว ๆ เพื่อเก็บภาพแค่ให้รู้ว่าวันนี้มาเที่ยวที่นี่ โดยมีรูปที่สักว่าแต่ถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ท่ามหาราช ท่าใหม่บนถนนมหาราชที่อยู่ระหว่าง ท่าพระจันทร์ กับ ท่าช้าง ที่นี่ไม่ใช่แค่ท่าน้ำ แต่เป็นเหมือนห้างที่อยู่ริมเจ้าพระยา ห้างที่มีขนาดย่อม ๆ แต่พร้อมไปด้วยของกินของใช้ อาจไม่มากมาย แต่มากพอถ้าอยากได้บรรยากาศ ลานโล่งชั้นบนคล้ายดาดฟ้า เป็นจุดชมเจ้าพระยาที่สวยงามจุดหนึ่ง แต่ฝนทำดาดฟ้าเปียกจึงไม่ได้ขึ้นไปเหมือนครั้งก่อน ๆ จะถ่ายรูปก็ต้องมองหาแสง แต่ฟ้าไร้แสง ไม่เป็นไรหลอดไฟมี ตรงไหนมืดก็มืดไป ไฟจะส่องถึงแค่ไหนก็แค่นั้น ผมกดชัตเตอร์ดูหน้าจอ ก็ไม่เลวร้าย เมื่อกี้ที่เพิ่งหมดอารมณ์ แต่พอส่ายสายตามองไปรอบ ๆ อย่างพินิจ ก็พบว่าวิวเจ้าพระยาหลังฝนโปรย โรยเสน่ห์ใส่ผมเข้าแล้ว เปลี่ยนใจไม่กลับแล้ว พอเดินออกจากท่ามหาราช จึงเลี้ยวขวาไป ท่าช้าง ถนนเปียกปอน ขอบทางมีแอ่งน้ำเล็ก ๆ เป็นระยะ คงบวกกับเป็นช่วงเย็นด้วยท่าช้างจึงดูหงอย ๆ มองเลียบกำแพงขาวของวัดพระแก้วตรงไป สุดกำแพงจะเจอ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือชื่อเดิมว่า วัดโพธิ์ ตรงข้ามกันคือ ท่าเตียน ท่าที่ข้ามฟากไป วัดอรุณราชวราราม ที่มีชื่อเดิมว่า วัดแจ้ง ใครที่มามาย่านนี้ตอนบรรยากาศปกติก็ได้เที่ยวครบ แต่คงไม่ใช่ยามเย็นหลังฝนโปรยอย่างนี้ ข้ามทางม้าลายที่ ย่านสามแพร่ง ฝั่งตรงข้ามคือวัดพระแก้ว กำแพงขาว เริ่มกลมกลืนกับเมฆสีเทาอ่อน กลางวันกำลังจะกลายเป็นกลางคืน ผมเดินชมวิวหลังฝนไปเรื่อย ๆ ตุ๊กตุ๊กวิ่งไปมาประดับฉาก มินิบัสก็ดูเหมาะกับย่านพระนครมากกว่ารถเมล์คันใหญ่ นักท่องเที่ยวหายไปกับฝนและห้วงเวลา ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดแล้ว แกล้งถามตัวเองว่าเดินเรื่อยเปื่อยแบบนี้กำลังมองหาอะไร ไม่มีคำตอบ มีแต่ใจที่เพลินกับบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัสในย่านนี้ เหตุเพราะไม่เคยมาตอนฟ้ามัวซัว พลัน! สีทองโดดเด่นท่ามกลางสีทึมทุกเฉด ผมรีบเดินไปหาจนถึงสนามหลวงที่ยามนี้หญ้าคงสดชื่น พออยู่ตรงหน้าจึงรู้ว่าที่มองหาคือนี่เอง เจดีย์สีทอง งามสง่าใน วัดพระแก้ว ที่โผล่พ้นกำแพงขาวให้ชาวโลกได้ชม ว่าแล้วก็มองหามุมเก็บภาพ แล้วรอคอยเวลากดชัตเตอร์ ยืนซึมซับความงามอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก็พบว่าความงามไม่ต้องอาศัยแสงเพื่อให้ใครเห็น ความงามมีแสงน้อย ๆ ก็ได้ หรือไม่มีแสงเลยก็ได้ ถ้างามพอคนจะเห็นเอง ระหว่างเดินย้อนกลับไป ท่าพระจันทร์, ณ จุดที่ฝั่งตรงข้ามคือ วัดมหาธาตุ มี อีกหนึ่งความงาม หลังฝนโปรยตะโกนเรียกผมจากแอ่งน้ำข้างทาง ผมก้มมอง ยิ้ม แล้ว กดชัตเตอร์ทักทาย เราจะได้พบกันอีก ไม่ว่าวันนั้นฟ้าฝนจะเป็นใจ หรือเป็นเมฆดำก้อนใหญ่ก็ตาม ทุกภาพโดย : f i l e b y N o r