cr unsplash เห็นชื่อเรื่องแล้วก็คงจะนึกถึง เพลงของน้าแอ๊ด คาราบาว กันใช่ไหม ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกันเลย เพราะวันนี้เราจะพามารู้จักกับ คนบ้า หรือภาษาทางการเรียกว่า คนวิกลจริต สติฟั่นเฟือน เป็นบุคคลที่คนอย่างคุณหรือเราไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัว หลายคนกลัวว่าบุคคลเหล่านี้จะมาทำร้าย หรือรังเกียจจากภาพลักษณ์ที่ดูเกรอะกรัง สกปรก แต่เราอยากจะบอกว่า บางคนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด บางคนพูดรู้เรื่อง แต่รู้เรื่องแบบไหนเราจะเล่าให้ฟัง ซึ่งเราขอบอกก่อนว่า เรื่องที่เราจะเล่าให้ฟังกันในวันนี้บุคคลที่อยู่ในบทความนี้มีตัวตนจริง ซึ่งเราไม่ขอเอ่ยนามแต่จะเรียกเขาว่า แม่นางฟ้า กับ พ่อเทพบุตร แทนแล้วกัน cr unsplash แม่นางฟ้า กับ พ่อเทพบุตร ที่เรารู้จักในหมู่บ้านเรามี พ่อเทพบุตร 1คน และ แม่นางฟ้า 1 คน ที่มักจะออกมาเดินป้วนเปี้ยนตอนเช้าบ้าง ตอนกลางวันบ้าง หรือตอนกลางคืน บางช่วงก็เห็นทุกวันบางครั้งก็หายไป 2-3 วันแล้วก็กลับมาใหม่ แต่พ่อเทพบุตรกับแม่นางฟ้า ที่เราพบเจอบ่อยนั้นก็ไม่เชิงจะสติวิปลาสซะทีเดียว แม้ว่าภาพลักษณ์จะดูไม่น่าเข้าใกล้เพราะ สกปรก เนื่องจากไม่ค่อยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็พอพูดจากันอยู่ได้บ้าง จากที่สังเกตเห็นดูเหมือนเขาจะอยู่ในโลกของเขามากกว่าที่จะรับรู้เรื่องราวในโลกปัจจุบัน เพราะบางครั้งก็ยืนพูดอยู่คนเดียว บางครั้งก็เดินวนมาวนไป แล้วก็บ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้จับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างเจรจาพาทีกับคนสติไม่สมประดีเราเคยคุยกับ พ่อเทพบุตร และ แม่นางฟ้า ที่อยู่ในหมู่บ้านเรา จะว่าคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่เชิง เพราะเดินผ่านทีไรแม่นางฟ้า ก็จะทักทายเรื่อย เช่นคนสวยไปไหนมา คนสวยกินข้าวหรือยัง คนสวยมีขนมไหม (สงสัยเราจะสวยในสายตาเขา ฮ่าๆๆ) นี่คือคำพูดที่แม่นางฟ้ามักจะพูดกับเราบ่อย ๆซึ่งวันไหนมีขนมติดไม้ติดมือก็จะแบ่งให้แม่นางฟ้าไป ส่วนพ่อเทพบุตรเจอกันทีไร ก็เรียกคนสวยซื้อหวยด้วยนะ บางครั้งก็ให้เลข บางครั้งก็ขอเงิน 10 บาท 20 บาท แต่เเลขที่ให้มาซื้อไม่เคยถูกเลย (นี่ก็บ้าซื้อเนาะ ) แต่พอเลิกซื้อหวยออกซะอย่างนั้นcr. unsplashแต่ก็น่าแปลกใจ เพราะหลายคนในหมู่บ้านเราโดน แม่นางฟ้า ด่าทอเป็นประจำ หลาย ๆ คนก็เล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนเคยให้ของกินกับแม่นางฟ้า แต่พอไม่ให้ก็ด่า เราก็สงสัยเพราะเราไม่เคยโดนแม่นางฟ้าด่าเลยสักครั้ง เจอหน้าเราก็ทักตลอด เหมือนคนรู้จักคุ้นเคยกัน ซึ่งเราก็ตอบทุกครั้งยิ้มให้ทุกครั้ง ไม่มีขนมให้ก็ไม่เคยโดนด่า จนคนในหมู่บ้านที่พอจะคุ้นเคยกันแซวกลับมาว่าสงสัยแกจะ บ้า เหมือนมัน ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าเราไม่ชอบเลย ไม่ใช่ว่าเขาว่าเราบ้า แต่เราไม่ชอบที่หลาย ๆ คนเอาแม่นางฟ้ามานินทา หรือ ไล่แม่นางฟ้า เพราะเรารู้สึกว่าเขาไม่ทำร้ายใคร ส่วนใหญ่จะยืนเงียบ ๆ ตรงที่ประจำ คอยมองคนโน้นคนนี้ เวลามีรถบีบแตรขอทาง แม่นางฟ้าจะหลบให้โดยดีไม่มีโวยวายหลาย ๆ คนเรารู้สึกว่าด่าแม่นางฟ้าเพราะความสนุกปาก บางคนรู้จักญาติพี่น้องแม่นางฟ้า ก็เอามานินทา ทำให้เรารู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่น่าคบเลย อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ กันทั้งนั้น ส่วนกับพ่อเทพบุตรก็หายไปร่วมปี เพราะระยะนี้ไม่เห็นเลย แต่ก่อนหน้านั้นที่เคยเจอกันก็ทักทายเราประหนึ่งคนรู้จักอีกเช่นกัน แต่กับพ่อเทพบุตรนี่จะไม่ค่อยมีคนว่าสักเท่าไหร่ แม้แกจะเที่ยวขอเงินเขาไปทั่วได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ไม่เคยโวยวายหรือด่าทอคนในหมู่บ้าน เขาไม่ได้บ้าแค่มีโลกเป็นของตัวเอง จากที่เห็นแม่นางฟ้าและพ่อเทพบุตรมานานหลายปี ทักทายกันอย่างที่ได้เล่าให้ฟัง เรามองว่าเขาแค่มีโลกเป็นของตัวเอง แดดจะร้อน ฝนจะตก ลมจะหนาวเขาก็จะอยู่ในบริเวณที่เขาชอบอยู่ บางวันแม่นางฟ้าก็จะหอบของกินเต็มไม้เต็มมือ เพราะคนในหมู่บ้านให้ หรือวันไหนไม่มีใครให้ แม่ก็จะเดินไปขอร้านขายข้าวเอาดื้อ ๆ แต่ทั้งคู่มีญาติ ๆ ในละแวกบ้านเรา พ่อเทพบุตรนั้นญาติยังพอดูแลเนื้อตัวยังสะอาดสะอ้าน ผิดกับแม่นางฟ้าที่นาน ๆ ครั้งญาติ จะจับไปอาบน้ำแต่งตัวให้ใหม่ แต่ก็ไม่ได้กักขังหรือนำตัวไปรักษาแต่อย่างใด เราพอจะรู้ภูมิหลังจากบรรดาขาเม้าท์เล่ากันว่า ทั้งสองคนจริง ๆ แล้วเคยปรกติ แต่เหมือนจะผิดหวังเสียใจอย่างรุนแรงจนทำให้กลายเป็นสติไม่ดี อย่างที่เป็นอยู่ cr. unsplash ถึงจะบ้าแต่ว่าไม่โง่ จากที่อ่านมาตั้งแต่ต้นคุณพอจะเห็นอะไรบ้างไหม สิ่งที่เราอยากจะบอกคือ แม่นางฟ้าและพ่อเทพบุตรในเรื่องราวของเรานั้น เราคิดว่าเขาไม่ได้โง่ แม้จะสติไม่ดี เพราะว่าโง่ก็คงจะไปไล่ด่าใครไม่เป็น ขอเงินใครไม่ได้ หรือแม้แต่จะขอข้าวกิน เขามีความรู้สึกมีจิตใจ เพราะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เขารับรู้ว่าใครดีใครร้าย ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะมีอยู่วันหนึ่งผ่านมาไม่นานสักเท่าไหร่ บรรดาเด็กน้อย ๆ ในละแวกบ้านรวมหัวกันแกล้งแม่นางฟ้า เอาไม้ไปแหย่แม่นางฟ้า ตะโกนล้อแม่นางฟ้า ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็ก ๆ ไม่รู้ประสีประสา แต่ผู้ใหญ่แถวนั้นกลับไม่ห้าม เราเดินผ่านก็ได้แต่ไล่ให้เด็ก ๆ เข้าบ้านเพราะดูอาการแม่นางฟ้าจะโมโห ตะโกนด่าเด็ก ๆ แถมทำท่าจะวิ่งไล่ แต่เด็กก็คือเด็กยิ่งห้ามยิ่งยุสุดท้ายก็ต้องขู่เด็ก ๆ ไปว่าถ้าไม่เลิกจะเดินไปบอกที่บ้าน แต่ก็นะแทนที่ผู้ใหญ่ ๆ แถว ๆ นั้นจะดุเด็ก ๆ กลับจะมาด่าแม่นางฟ้า เราก็ได้แต่ปลงแทนที่จะสอนเด็ก ๆ กลับไปด่าคนบ้า ทั้ง ๆ ที่รู้กันอยู่ว่าเขาอยู่ของเขาตรงนั้นมาเป็นปี ๆ ไม่เคยทำอะไรใครสักหน่อย บางคนก็มาถามเราว่าห้ามไม่ให้ด่าแม่นางฟ้าทำไม เราก็ได้แต่ถามกลับว่าทำไมไม่บอกเด็ก ๆ ว่าอย่าไปยุ่งกับเขา ปล่อยให้ไปแหย่อยู่ได้ เขาก็อยู่ของเขาดี ๆ เขาก็สวนกลับเราว่า เด็กมันเล่นตามประสา เราก็ตอบกลับไปว่า ก็นั่นล่ะทำไมไม่ห้ามไม่เตือนต่างคนต่างอยู่ไปสิ ซึ่งหลังจากวันนั้น เด็ก ๆ พวกนั้นก็ไม่ยุ่งกับแม่นางฟ้าอีก ไม่รู้ว่าโดนผู้ใหญ่เอ็ด หรือ กลัวแม่นางฟ้าไล่ตีกันแน่ เรารู้สึกว่า พ่อเทพบุตร และ แม่นางฟ้า ในหมู่บ้านเรานั้นเขาไม่ได้ฟั่นเฟือนจนไม่รับรู้อะไร เขามีความรู้สึกอย่างน้อยก็รู้ว่าใครร้าย ใครดีกับเขา เพราะจากที่เห็นกันมาเป็นปี ๆ แม่นางฟ้าจะยิ้มจะทักทายเรา กับ คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยด่าเขาหรือให้ของเขา เช่นเดียวกันกับพ่อเทพบุตร แต่รายนี้ใครเคยด่าเคยไล่แกจะเดินหนีทันทีเวลาเจอหน้า ซึ่งนอกจากพ่อเทพบุตรและแม่นางฟ้าในหมู่บ้านเราแล้วถัดไปอีก 2-3 ซอยในละแวกบ้านเราจะมี ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ร้านใหญ่กว้างขวาง แอร์เย็นฉ่ำก็จะมีพ่อเทพบุตรที่อยู่ในละแวกนั้นมาอาศัยนอนเป็นประจำ ไปซื้อของกินตอนดึกทีไรก็เจอทุกครั้ง และมักจะนั่งที่ประจำคือด้านในสุดของร้าน ไม่รบกวนลูกค้าไม่รบกวนพนักงาน แค่นั่งตากแอร์เย็น ๆ นอนหลับสบายเช้ามาก็จากไป (จากคำบอกเล่าของพนักงาน ) ลูกค้าประจำส่วนมากก็จะรู้กันหากเดินไปหยิบของแถว ๆ ที่พ่อเทพบุตรรายนี้นอนอยู่ก็จะรีบหยิบแล้วเดินออกมา เลี่ยง ๆ ไม่เข้าใกล้แต่ก็ไม่ไล่ พนักงานบอกว่าตอนแรก ๆ ก็ไล่ไม่ให้นอนเพราะกลัวลูกค้ารังเกียจไม่เข้าร้าน แต่แกไม่ยอมไป บางครั้งก็เสียงดัง จนมีพนักงานบางคนใจกล้าดุแกว่าถ้าจะนอนก็อยู่เงียบ ๆ เสียงดังจะไม่ให้นอน แกก็จะนั่ง ๆ นอน ๆ เงียบ ๆ ตามประสา เหมือนรู้ตัวว่าถ้าส่งเสียงจะไม่ได้นอนเย็น ๆ cr. unsplash ภาพลักษณ์อาจจะไม่น่าเข้าใกล้แต่จิตใจเขาใสสะอาดในมุมของเราจากที่พบเห็น พ่อเทพบุตรและแม่นางฟ้า เราเชื่อว่าเขาไม่คิดที่จะทำร้ายใคร ถ้าหากไม่มีใครไปทำร้ายเขาก่อน ซึ่งหากมองจากสิ่งที่เราทำเวลาแม่นางฟ้าทักทาย เรามักจะยิ้มให้ไม่ก็ตอบกลับ แถมบางวันแม่นางฟ้ายังเตือนเราด้วยหากเจอกันตอนกลางคืน มักจะบอกให้เข้าบ้านเร็ว ๆ มันดึกแล้ว หรือไม่ก็ฝนจะตกแล้วนะเข้าบ้านเร็ว ๆ อันตรายแล้วนะ ซึ่งทำให้เราคิดว่าแม้เขามีความนึกคิดอยู่ในโลกของเขาก็จริง แต่เขาสามารถรับความรู้สึกว่าใครดีใครร้ายกับเขาได้ ซึ่งก็ถือว่ามันอาจจะดูแปลกที่คนสติฟั่นเฟือนจะรับรู้ แต่จากที่เราประสบมาหลาย ๆ ครั้งเราเชื่อว่าเรารู้ และเขาก็เลือกปฎิบัติกับแต่ละคนเหมือนกัน cr. unsplash แต่ก็ไม่ใช่ว่า พ่อเทพบุตร และ แม่นางฟ้า จะเป็นแบบที่เราเล่ามาทั้งหมด บางคนอาจจะมีลักษณะอาการที่ไม่น่าเข้าใกล้เลย บางคนอาจจะเดินโวยวายท่ามกลางผู้คนมากมายตามชุมชน บางคนอาจจะนอนตามหน้าร้านสะดวกซื้อ หรือ บางคนภาพลักษณ์ดูแย่เกินกว่าจะมาเดินตามท้องถนน แต่เราอยากให้คุณมองเขาว่า เขาคือคน ๆ หนึ่ง แม้ว่าจะมีสติไม่สมประกอบ หรือ มีวี่แววที่อาจจะทำร้ายใครก็ได้ แต่คุณก็ไม่ควรไปทำร้ายเขา ไม่ควรไปตะโกนด่า หรือ ตะโกนไล่เขา แค่คุณเดินออกมาห่าง ๆ ก็พอแล้วเราอยากให้คุณมองคนเหล่านี้ในฐานะมนุษย์ด้วยกัน เขาอาจจะมีสติไม่ดี ภาพลักษณ์ไม่น่าไว้ใจ แต่เราช่วยเขาได้ด้วยการ โทร 191 หรือ 1300 แจ้งพิกัดที่อยู่ของเขาเพื่อที่จะให้ตำรวจ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับตัวเขาไปเพื่อให้ไปอยู่ในสถานที่ ที่เหมาะสมนี่คือสิ่งที่คนสติสัมปชัญะดี ๆ แบบเรา ๆ พอที่จะทำได้ ก็ถือว่าเป็นการช่วยเพื่อมนุษย์ด้วยกัน อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้หากทุกคนในสังคมเข้าใจ และ ช่วยกันดูแล พ่อเทพบุตร และ แม่นางฟ้า ก็จะไม่มาเดินสร้างความรำคาญให้ใคร หรือ เป็นกลายเป็นบุคคลอันตรายอย่างที่ใคร ๆ หวาดกลัว