ภัยอันตราย...คำนี้ดูไม่เกินจริงเลยในสังคมปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร อายุเท่าไหร่ รูปแบบของอันตรายมักเข้ามาหาเราได้หากไม่รู้จักการป้องกันโดยเฉพาะการเดินทาง บางคนอาจเคยผ่านประสบการณ์การเผชิญหน้ากับภัยอันตรายกับตัวเอง ไม่ว่าด้วยความประมาทหรือไม่ทันระมัดระวัง ทำให้บางครั้งเป็นปัญหาที่นำมาซึ่งความเสียหายในทรัพย์สินและร่างกาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ๆ วันนี้เรามาเรียนรู้เทคนิคป้องกันตัวเองกันนะคะ เครดิตรูปภาพจาก: https://pixabay.com/th/illustrations/ 1. เจอคนลวนลาม ให้แปรงร่างเป็นคนเส้นตื้น ....“โทษนะพี่ ...หนูบ้าจี้ค่ะ” เครดิตรูปภาพจาก: https://pixabay.com/th/photos หลายเหตุการณ์บทรถประจำทางหรือการเดินทางที่แน่นไปด้วยผู้คน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการแนบชิดของเรากับบุคคลอื่นคือ “ไม่ได้ตั้งใจ” หรือ “จงใจทำ” การถูกลวนลามในที่สาธารณะเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ไม่เพียงแค่ผู้ชายไม่มีสิทธิ์คุกคามฝ่ายหญิงเท่านั้น แต่ฝ่ายหญิงเองก็ไม่มีสิทธิ์จับจ้องลูบคลำเพศชายเช่นกัน “คิดไปเอง” “ไม่น่าใช่หรอก” ได้แต่คิดแล้วก็ยืนเซ็งเป็นเป้าให้เขาต่อไปไม่ได้เกิดผลดีเลยนะคะ หากคุณกำลังกลัวเสียหน้า กล้วหน้าแตก ไม่กล้าตะโกนออกมา หรือคิดว่าเราจะเข้าข้างตัวเองเกินไป หากยังมีความคิดแบบนี้จงรู้ไว้เลยค่ะว่าคุณจะกลายเป็นผลไม้แสนหวานของเหล่านักคุกคามแน่นอน วิธีสังเกต หากเพิ่งรู้ตัวให้แกล้งมองเป้าหมายว่าบุคคลต้องสงสัยคือใครและลองขยับออกสังเกตว่าเข้ามาใกล้อีกหรอกไม่ หากยังใกล้และภายในใจคุณกำลังลัง “อึดอัด” ให้พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษนะคะ ช่วยขยับไปหน่อย” หากไม่ได้ผล และมีท่าทางรุกล้ำมากขึ้นให้อาศัยจังหวะที่ร่างกายของเราสัมผัสโดนเราแล้วสวมวิญญาณบ้าจี้เล่นใหญ่เหมือนละครเวทีรัชดาลัยฯ และให้อุทานคำสบถอะไรออกมาก็ได้ให้ดังที่สุด หากนั่นคือความเข้าใจผิด (จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้) ให้ตอบไปว่า .“โทษนะพี่ ...หนูบ้าจี้ค่ะ” ปล. ถ้ามั่นใจว่านั่นคือการลวนลามให้พูดออกไปตรง ๆ ไม่ต้องกลัวคำพูดอีกฝ่ายว่าจะตอบกลับมาว่าอะไร จำไว้นะคะเราต้องเซฟตัวเองเมื่อไม่ปลอดภัยให้เชื่อในสัญญชาตญาณตัวเอง อย่าอดทนอย่างเปล่าประโยชน์นะคะ 2. มายากลของในกระเป๋า...หาย เครดิตรูปภาพจาก: https://www.freepik.com/ ไม่ว่ากระเป๋าของคุณจะมีเซฟตี้มากมายขนาดไหนก็ตาม “วิชาโจรกรรม” ก็ตามอัพเดทเพื่อให้สามารถเข้าถึงกระเป๋าของคุณได้อย่างง่ายดายแม้ว่าของในประเป๋านั้นจะมีของมากมายแค่ไหนก็ตาม หลักการพายกระเป๋า แบบสะพายข้างและสะพายแบบคาด ไม่ว่าจะใบเล็กหรือใบใหญ่ แนะนำให้ไขว้ตัวกระเป๋าไว้ด้านหน้าตัวเองและจับที่ตัวกระเป๋าไว้เสมอในเวลาเดินทาง การจับแค่บริเวณสายสะพายแม้กระเป๋าจะยาวเท่าเข่าก็สามารถถูกสอยเอาของข้างในไปได้เช่นกัน แบบสะพายเป้ หลายคนสะพายเป้มาไว้ด้านหน้าเวลาเดินทางไปไหนมาไหน ถูกแล้วค่ะ เพราะเป้ที่มีซิปไม่ว่าแบบใดหรือจะมีกี่ชั้นโจรก็สามารถกรีด ล้วง หรือเปิดเอามันไปได้ในช่วงเวลาที่คุณไม่ทันตั้งตัว และประโยชน์ของการสะพายเป้ไว้ด้านหน้าคือการที่คุณจะสามารถเปิดซิปเพื่อหยิบของได้ง่าย สามารถเปิดเพื่อเช็กความปลอดภัยทำให้อุ่นใจมากกว่าการเอามันไปไว้ด้านหลัง 3. เตรียมพร้อมทั้ง “สติ” และ “สตางค์” เครดิตรูปภาพจาก:https://pixabay.com/th/photos การมีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าโดยสารด้วยแบงค์ใหญ่เป็นปัญหาที่มีมานานแสนนานและพบได้บ่อยครั้ง ประเด็นคือ “ลืม” และ “คิดว่าเดี๋ยว....” ซึ่งการมีปัญหาปากเสียง หรือได้ยินคำบ่นของคนขับรถก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะโดนตำหนิ รวมไปถึงช่วงชุนมุลในการล้วงเงินเข้าออก ก็ทำให้เป็นประเด็น “เงินข้า...หายไปไหน??” ตั้งสติเตรียมสตางค์ หากเดินทางบ่อย ๆ คุณควรให้เตรียมไว้ล่วงหน้า และใส่ในที่ที่สามารถหยิบออกมาจ่ายได้สะดวก เช่น กระเป๋ากระโปรง กระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋าใบเล็ก ๆ สำหรับค่ารถโดยเฉพาะจะได้หยิบขึ้นมาทีเดียว เตรียมคำนวนเงินให้เพียงพอทั้งขา ไป-กลับ การจำกัดเงินที่จะใช้เดินทางจะช่วยให้คุณไม่ต้องยุ่งเปิดปิดกระเป๋าสตางค์บ่อย ๆ (เพราะอาจมีใครรู้ว่าคุณน่ะมีเท่าไหร่อยู่ในกระเป๋า และเสียต่อการสูญหาย) ก่อนขึ้นรถให้ดูแบงค์ หากมีแบงค์ 100 ให้เตรียมแลกไว้ก่อนเลย อย่างน้อยมีแบงค์ 20 สัก 5 ใบก็ยังดี อย่าหวังน้ำบ่อหน้า เพราะจะมา “รู้งี้” เอาที่หลัง ตรงเป๋าสตางค์และกระเป๋าใส่ควรสะดวก “ให้คุณ” หยิบและมองเห็นเสมอ บางคนใช้กระเป๋าเล็กแต่กระเป๋าสตางค์ใหญ่ ก็จะเสียเวลาไปกับการดึงมันขึ้นมา กลับกันหากกระเป๋าสตางค์เล็กเกินไปก็ไม่ต่างจากงดเข็มในมหาสมุทร 4. จงไว้ว่าท้องถนนไม่ใช่สถานปฏิบัติธรรม และไม่ใช่เคทวอทล์ เครดิตรูปภาพจาก: https://pixabay.com/th/photos/ การเดินเท้าไปบนท้องถนนต่าง ๆ มักนำมาซึ่งอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เช่น ตกท่อ ชนเสา รถชน เป็นต้น เหตุการณ์ในบ้างที่เกินจากการเดินและท่วงท่าของคุณเอง การเดินอย่างมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี ตัวตรงก่าวมั่น และหน้าตรง อย่างการเดินแบบแฟชั่นโชว์ แต่อย่าลืม!! ถนนไม่ได้เรียบและมีแต่ทางตรงอย่างและก็ไม่ได้มีแค่คุณที่เดินอย่างรีบเร่งท่านั้น ลองจิตนาการการเดินที่ทุกคนเดินเป็นทางตรงและไม่สนใจใคร ไม่สนใจทั้งซ้ายและขวาทุกคนมุ่งไปข้างหน้าและบังเอิญมีหลุมอยู่ตรงกลาง พื้นถนนเป็นร่อง หรือมีรถเลี้ยวมาโดยที่คุณไม่ทันหยุดเดินเข้าล่ะ! แต่ถ้าหากคุณชอบการเดินก้มหาเหรียญตามพื้นหรือพยายามระวังมากเกินไปก็เป็นปัญหาให้ไม่ทันมองป้ายข้างหน้าหรือสิ่งกีดขว้างเช่นกัน เพราะกว่าจะเงยขึ้นมาก็ ..... และความน่ากลัวจะเพิ่มขึ้นหากคุณใส่หูฟังโดยไม่สนใจคนรอบข้าง การเดินอย่างไรไม่ให้มีปัญหา มองให้กว้าง ไม่ว่าคุณจะรีบหรือไม่แต่คุณเป็นเพียงหนึ่งในคนที่ใช้ถนนสาธารณะดังนั้นจะไม่มีใครมาใส่ใจคุณเด็ดขาดหากคุณไม่ระวังให้มากพอ หน้าตรงระดับสายตากลาง ๆ ไม่เชิดเกินไปหรือก้มเกินไป แม้คุณจะซอยฝีเท้ามากแค่ไหนก็อย่าลืมคิดเผื่อจังหวะเบรกกะทันหันเอาไว้ฉุกเฉินด้วยเช่นกัน หู........ฟัง ไม่ผิดหากคุณจะอยากอยู่ในโลกส่วนตัวกับเพลงหรือสื่อมีเดียขณะเดินทาง แต่คุณอย่าลืมให้ขอบเขตการฟังของตัวคุณเองเพื่อลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การข้ามถนน การลงหรือขึ้นรถ การถือของหลายอย่าง เป็นต้น การอยู่ในโลกส่วนตัวทำให้คุณสนในโลกส่วนรวมน้อยลง หากคุณมัวสนใจหูฟังจนลืมเอาหูของตัวเองฟังรอบข้างแล้วล่ะก็ ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายนั้นก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 5. ฝึกทักษะ “สอดส่อง” เพื่อเพิ่มพิษสงกับเขาบ้าง เครดิตรูปภาพจาก: https://pixabay.com/th/photos สอดส่อง...เป็นทักษะที่มีกันทุกคนแล้วแต่ว่าจะมาหรือน้อย การอยากรู้อยากเห็นหรือสนอกสนใจเป็นสกิลที่ต้องฝึกให้แข็งแกร่งและนำมาใช้ให้ถูกจังหวะ โดยเฉพาะเรื่องของเรา เราต้องยิ่งตระหนักรู้ให้มาก ในที่นี้หมายถึงการตื่นตัวตลอดเวลา หากคุณกำลังเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่าลืมใช้ปุ่ม”สอดส่อง” ตัวเอง อัพสกิลสอดส่อง ขึ้นแท็กซึ่ หรือ รถโดยสารส่วนบุคคล = ถ่ายเลขทะเบียนส่งให้คนสนิท , บอกจุดหมายให้ชัดเจน หากรู้เส้นทางให้บอกไปตรง ๆ ว่าจะไปเส้นไหน ถ้าเขาบอกรถติดก็อย่ากลัว หลีกเลี่ยงการไปทางลัดที่ไม่ใช่ถนนที่เราคุ้นเคย , หากไม่รู้ทางให้เปิดเส้นทางดูล่วงหน้า และหากแท็กซี่ไม่ทราบทางให้ตัดใจอย่าไปเด็ดขาด (เสียเวลาทั้งคู่), สังเกตข้างทางเป็นระยะ ๆ หรือถ่ายทางให้คนสนิทเป็นระยะ ๆ ว่าอยู่จุดไหนแล้ว , งดเล่นโทรศัพท์นาน ๆ หรือฟังเพลงจนเพลิน , หากรู้สึกไม่สบายใจให้พิมบอกคนสนิท และเตรียมเบอร์ 191 หากสถานการณ์แย่ให้ขอลงทันที! , หากแท็กซี่แนะนำทาลัดที่ไม่รู้จักหรือคุ้นเคย อย่าไป!! *จากประสบการณ์ตรง และ การให้ความรู้ของพี่ ๆ แท็กซี่ใจดีหลายท่านเกี่ยวกับการนั่งแท็กซี่อย่างไรให้ปลอดภัยค่ะ รถตู้ = ดูคนนั่งข้าง ๆ ว่าเป็นใคร , หากโดนคุกคามให้พูดทันทีอย่ากลัว , หลีกเลี่ยงการลงเป็นคนสุดท้าย หากจำเป็นต้องนั่งคนเดียวให้จดเลขทะเบียนรถไว้ส่งให้คนสนิท ต่อสายพูดคุยกับเพื่อนและบอกทางเป็นระยะ ๆ หรือพูดในทำนองที่ปลายทางมีคนกำลังรอรับอยู่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง = เตรียมเงินให้พร้อม, นั่งในท่าทางสามารถลงได้สะดวก , หากเกิดความไม่สะบายใจสามารถขอลงก่อนได้ทันที , หากได้นั่งคันที่มีท่าทางไม่สบายใจให้บอกจุดหมายที่มีคนอยู่ผลุกผล่านแทนที่อยู่จริง เช่น ร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ใกล้บ้าน, ร้านขายของ, ปากซอยเข้าบ้าน, หรือบ้านอื่นที่ไม่ไกลมากนัก ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคการป้องกันตัวเองต่อการเกิดภัยรูปแบบต่าง ๆ ที่มาจากประสบการณ์การขาดความระมัดระวังตัวของกอดเอง และการได้ความรู้จากพี่ ๆ อาชีพให้บริการการคมนาคม ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดจากคนอื่น หรือภัยอันตรายที่เกิดจากตัวเราเอง มีวิธีรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เกิดเป็นความเสียหายทั้งร่างกาย จิตใจและทรัพย์สิน มันไม่คุ้มค่าเลยหากต้องใช้ชีวิตบนความเสี่ยงโดยไม่มีแนวทางปกป้องตัวเอง เพราะการ “รู้ทัน..” อาจจะดีกว่า “รู้งี้...” เอาทีหลัง #กอดนะ ขอบคุณภาพหัวเรื่องและภาพประกอบจาก: pixabay.com , https://stocksnap.io และ www.freepik.com