ระหว่างการเดินทางจากนครศรีธรรมราชไปยังนครพนม ผมกับสหายอีกสองคนได้แวะพักระหว่างรอรถไฟขบวนกรุงเทพฯ – อุดรธานี (ต้องนั่งรถเมล์ต่อไปยังนครพนม) ซึ่งมีเวลาว่างหลายชั่วโมง พอที่จะเดินเที่ยวไปในกรุงเทพฯ แต่ก่อนอื่นต้องฝากสัมภาระไว้ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อลดน้ำหนักในการเดินทาง จากนั้นจึงเริ่มเปิด Application Google Map ในการนำทาง ทว่าเพียงไม่กี่ก้าวก็ดันหลงทางเข้าสู่ถนนผิด เนื่องจากมึนงงกับทิศในแผนที่เล็กน้อย เมื่อจับทิศถูก จึงเดินเลี้ยวกลับเข้ามาสู่เส้นทางอันจะนำพวกเราไปสู่วัดไตรมิตรวิทยาราม ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำ) ศิลปะสุโขทัย ปางมารวิชัย พระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์หนักกว่า 5.5 ตัน เสร็จแล้วจึงเดินเท้าขึ้นบันไดกว่า 340 ขั้น บนภูเขาทอง (พระบรมบรรพต) วัดสระเกศ เพื่อชมทัศนียภาพอันสวยงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์ จากนั้นจึงเดินเลียบถนนผ่านชุมชนป้อมมหากาฬ (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสวนสาธารณะไปเสียแล้ว) ผ่านพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ก่อนจะเข้าสู่วัดราชนัดดาราม เพื่อชมโลหะปราสาทองค์เดียวในประเทศไทย จากนั้นเดินเท้าต่อมาจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รู้สึกปวดเมื่อยขาจึงปรึกษากันว่า “เลิกเดิน(เท้า)กันเถอะ” จึงตัดสินใจโบกรถตุ๊กตุ๊กเพื่อประหยัดเวลาและประหยัดแรง แต่หัวใจกลับเต้นแรงกับความเร็วของตุ๊กตุ๊กเสียเหลือเกิน ไม่กี่นาทีรถก็นำพวกเรามาหน้าศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เพื่อสักการะศาลหลักเมือง และเดินต่อมาผ่านหน้าตึกกระทรวงกลาโหมสีเหลืองขาวหลังใหญ่โต ด้านหน้าประดิษฐานปืนใหญ่หลายสิบกระบอก จากนั้นจึงพักหายเหนื่อยหายใจหน้าวังสราญรมย์ พร้อมรับประทานน้ำแข็งใสสูตรโบราณที่หวานจนแสบคอ ต่อจากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เพื่อชมความงามของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) รวมทั้งโบราณสถานและโบราณวัตถุชิ้นสำคัญหลายชิ้น ก่อนจะเดินลัดเลาะเข้าประตูสู่พระบรมมหาราชวังซึ่งเต็มไปด้วยชาวต่างชาติ (ชาวจีนและชาวฝรั่ง) จนพวกเราพูดกันเล่น ๆ ว่า “นี่เราอยู่ต่างประเทศกันหรืออย่างไร” พวกเราทั้งสามเดินไปเดินมาผ่านประตู อาคาร พระราชวัง และทหารหลายสิบนาย จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอันใหญ่โตมโหฬาร ก่อนจะเดินกลับมาทางพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อออกสู่ประตูวิเศษไชยศรี เดินลัดเลาะเลียบกำแพงริมถนนหน้าพระธาตุมาทางทิศตะวันตก เข้าสู่ถนนมหาราช เพื่อเข้าไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ชื่นชมพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล พระพุทธไสยาสน์ รูปปั้นฤาษีดัดตน และยักษ์วัดโพธิ์ ฯ เมื่อชมวัดโพธิ์เสร็จแล้วจึงหมายจะนั่งเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังวัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) จึงมาขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าเรือท่าเตียน เพื่อชมยักษ์วัดแจ้งและพระปรางค์ จากนั้นจึงนั่งเรือข้ามฟากกลับมานั่งเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าเตียนมายังท่าราชวงศ์ เพื่อหาของอร่อย ๆ รับประทานที่ย่านเยาวราช แต่ของอร่อยที่ราคาถูกในย่านนี้หายากมาก เพราะแม้กระทั่งข้าวราดแกงข้างทางยังราคา 60 บาทเลย สุดท้ายจึงเดินเท้ากลับมายังสถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อรับสัมภาระและอาบน้ำ ก่อนขึ้นรถไฟไปยังอุดรธานี นี้คือประสบการณ์การเดินทางสุดท้าทาย ซึ่งหากท่านใดสนใจก็สามารถ Backpack ไปในกรุงเทพได้ตามเส้นทางที่ตนเองสนใจกันได้เลยนะครับ