รูปภาพโดย MichaelGalda จาก pixabay หลายคนน่าจะเข้าใจว่าคนที่ดื่มเเอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ เหล้า ไวน์ คอกเทล หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เท่านั้นที่เสี่ยงเป็นโรคตับเเข็ง ส่วนคนไม่ดื่มก็รอดตัวจากโรคนี้ชัวร์ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ที่จริงเเล้วโรคตับเเข็งยังเกิดได้จากหลายสาเหตุ มีอะไรบ้างนั้น รวบรวมมาให้เเล้วค่ะ -โรคเรื้อรังจากการติดเชื้อของตับ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบี เเละโรคไวรัสตับอักเสบ ซี ( Hepatitis B และ C ) -ภาวะไขมันพอกตับ เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนหรือโรคเบาหวาน -ภาวะหัวใจล้มเหลวติดต่อกันหลายครั้ง จนทำให้น้ำไหลเข้าตับ -โรคทางพันธุกรรม โรคซีสติกไฟโบรซีส หรือโรคหลอดลมพอง ( Cystic Fibrosis ) โรคพันธุกรรมเมตาบอลิกที่ไม่สามารถสะสมไกลโคลเจนไว้เป็นพลังงานในร่างกายได้ ( Glycogen Storage Diseases ) โรคถุงลมโป่งพองจากการขาดอัลฟ่า-1. ( Alpha-1 Antitrypsin Deficiency ) -โรควิลสัน ( Wilson’s Disease ) เกิดจากสะสมเหล็กในตับมากจนเกินไป -การรับประทานยา หรือสมุนไพรบางชนิดที่มีผลต่อตับเป็นระยะเวลานาน -การได้รับสารพิษ -การติดเชื้อปรสิต รูปภาพโดย zachvanstone8 จาก pixabay โดยปกติเนื้อเยื่อตับจะมีผิวเรียบเนียน ไม่ขรุขระ เเละนุ่ม แต่ถ้าเนื้อเยื่อตับได้รับการบาดเจ็บ หรือ ถูกทำลายต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน ทำให้เนื้อเยื่อตับบริเวณที่ถูกทำลายมีลักษณะเป็นพังผืด ( Fibrous tissue ) ส่วนผิวสัมผัสที่เคยนุ่มจะกลายเป็นเเข็ง จึงเรียกว่า ตับเเข็ง ( Liver Cirrhosis ) เมื่อเป็นตับเเข็งทำให้เลือดไปเลี้ยงตับได้น้อยลง จึงทำให้ตับไม่สามารถทำหน้าที่ได้เป็นปกติ นำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลัน 1.ท้องอืด ท้องเฟ้ออาหารไม่ย่อย 2.อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย 3.เบื่ออาหาร 4.คลื่นไส้บ่อย ๆ 5.น้ำหนักลด 6.เท้าบวม ท้องบวม ข้อเท้าบวม เนื่องจากการสะสมของน้ำ 7.เกิดรอยช้ำ ห้อเลือดง่าย เลือดออกง่าย เนื่องจากตับไม่สามารถทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่าย 8.ตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากตับไม่สามารถขับน้ำดีออกมาได้ 9.อาเจียนเป็นเลือด เนื่องจากความดันในหลอดเลือดดำของตับสูง หากสูงมากจนหลอดเลือดดำแตก ก็อาจทำให้อาเจียนออกมาเป็นเลือดได้ 10.อาจเป็นริดสีดวงทวาร 11.อาการฝ่ามือแดง เส้นเลือดฝอยตามตัว เเละฝ่ามือ มากผิดปกติ 12.ในผู้ชาย อัณฑะมีขนาดเล็กลง 13.คันตามผิวหนัง 14 .มีอาการสับสน มึนงง เซื่องซึม พูดไม่ชัด รูปภาพโดย 13smok จาก pixabay โดยปกติในระยะเเรกที่เป็นโรค จะไม่แสดงอาการออกมา อาจจะมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ทั่วไป เเต่หากคุณมีอาการครบทุกข้อตามที่กล่าวข้างต้น เเสดงว่าตับของคุณน่าเป็นห่วงเเล้วค่ะ เเนะนำให้ไปพบเเพทย์โดยด่วน ส่วนใครกลัว ไม่อยากเสี่ยงเป็นโรคนี้ มีวิธีป้องกันตามด้านล่างนี้ค่ะ 1. งด หรือลดดื่มแอลกอฮอล์ หากจำเป็นต้องดื่มก็ดื่มในปริมาณไม่มากเกินไป นาน ๆ ครั้ง 2.ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ 3. ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม 4. ระวังอย่าให้เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เพราะอาจส่งผลให้เกิดโรคตับได้ในภายหลัง 5. ควรทานยาอย่างระมัดระวัง อ่านฉลากยาอย่างเคร่งครัด ไม่ทานยามากจนเกินไป จนทำร้ายตับ เช่น ยาพาราเซตามอล ยาแก้ปวด 6.หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด 7.ควรตรวจสุขภาพประจำปี สม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี รูปภาพโดย mcmurryjulie จาก pixabay ตับเป็นอัวยวะสำคัญมาก มีหน้าที่สำคัญ ๆ หลายอย่าง หากตับมีปัญหาไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อวัยวะอื่นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ระบบการทำงานในร่างกายก็จะรวน ดังนั้นก่อนที่อะไรจะสายเกินไป มาดูเเลตับของเรากันเถอะ