ปกติเวลาที่เป็นเราหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดใด ๆ ก็ตาม แม้เราจะหยุดจ่ายชำระเพื่อรอทำ Hair cut หนี้ แต่ดอกเบี้ยไม่เคยหยุด หลาย ๆ คนรับกับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะเตรียมเก็บเงินก้อนไว้ปิดอยู่แล้ว แต่บางคนหยุดจ่ายเอาดื้อ ๆ โดยไม่สนใจอะไรอีกเลย อยู่มาวันหนึ่งได้รับการทวงหนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าหนี้ไม่เคยตามทวงเลย สรุปยอดเงินรวมอยู่ที่เกือบ 300 เท่าของเงินต้น เรื่องราวเป็นยังไง? ตามไปอ่านกันค่ะเครดิตภาพ : geraltเพื่อนเราคนหนึ่ง เป็นหนี้บัตรเครดิตแล้วจ่ายไม่ไหว จากนั้นก็หยุดจ่ายและถูกฟ้องในปี 2548 รู้มาแค่นั้น เพราะไม่เคยเจรจาต่อรองลดหนี้ ประนีประนอมยอมความก็ไม่เคยทำ และไม่ไปศาลด้วย ... มาถึงในปี 2556 ประมาณ 8 ปีต่อมา ได้รับจดหมายจากเจ้าหนี้ ให้จ่ายชำระหนี้ทั้งหมดตามคำสั่งศาล (ระบุหมายเลขที่ฟ้อง) ปรากฏว่าจากยอดเงินต้นที่ 120,000 บาท กลายเป็นยอดหนี้ที่รวมดอกเบี้ยไปแล้วถึง 340,000 บาทมีคำถามว่า 8 ปีที่ผ่านมา เจ้าหนี้ไม่เคยทวงหนี้ หรือแจ้งยึดทรัพย์ใด ๆ เลย แล้วมาทวงเอาตอนนี้ทำได้หรือไม่? เพราะเท่าที่เพื่อนเราเคยรู้มา ไม่น่าจะเกิน 6 เดือน เจ้าหนี้ก็น่าจะเริ่มดำเนินการแล้ว ดังนั้นเพื่อนเราจึงไปขอคัดสำเนาคำพิพากษา และพวกเราก็นั่งหาคำตอบในเรื่องต่าง ๆ กัน ....เครดิตภาพ : ka_reเริ่มจากเรื่องเรื่องบังคับคดี เราพอรู้มาบ้าง จึงบอกเพื่อนไปก่อนเลยว่า อายุความบังคับคดี 10 ปี ตอนนี้ 8 ปีแล้ว ก็ไม่ต้องจ่ายและอยู่ไปอีก 2 ปี เจ้าหนี้ก็จะยึดทรัพย์ไม่ได้อีกต่อไป .. แต่ๆๆ .. เรื่องไม่ได้ง่ายแบบที่เราคิด เพราะเพื่อนบอกว่ามีบ้าน 1 หลัง เป็นชื่อของเพื่อนแท้ ๆ เลย แบบนี้อยากโอนให้พ่อแม่พี่น้องไปก่อนเลยได้หรือไม่?เราให้ความเห็นว่าไม่แนะนำให้โยกย้ายทรัพย์สิน เพราะเจ้าหนี้ก็รู้เจตนา เสี่ยงโดนคดีอาญา โทษหนักต้องติดคุกเลยทีเดียว ดีไม่ดีตอนนี้เจ้าหนี้เค้ารู้แล้วว่าเพื่อนมีทรัพย์สิน และเค้าเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ปี จึงทำหนังสือทวงหนี้มาก่อน เพราะเค้าอยากได้เงิน+ดอกเบี้ยก้อนนั้นมากกว่า ... แต่ที่เราและเพื่อนสงสัยก็คือ ทำไมทวงช้าขนาดนี้ เงินต้นก็ไม่ใช่น้อยหลักแสนกันเลย เป็นเพราะอะไร? ไปอ่านต่อค่ะเครดิตภาพ : StartupStockPhotosข้อสมมติฐานของเรากับเพื่อนก็คือ เจ้าหนี้เค้าอาจจะรู้อยู่แล้ว ว่าเพื่อนมีทรัพย์สินคือบ้าน 1 หลัง และอาจสืบทรัพย์อื่น ๆ แล้วว่าไม่มีอะไรเพิ่มเติม ทีนี้ก็กากบาทเอาไว้แล้ว ว่าหนี้ก้อนนี้รอเวลาเหมาะ ๆ ได้ จึงปล่อยลากดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ จนวันนี้ทบเข้าไปถึง 340,000 บาท หรือไม่ก็ลืม พอมาดูอีกทีก็หาช่องโหว่ของหนี้ก้อนนี้ได้ทางออกตอนนี้ก็คือ ต้องติดต่อไปที่เจ้าหนี้ เพื่อขอเจรจาต่อรอง โดยขอให้เจ้าหนี้ลดดอกเบี้ยให้ แต่เราต้องมีเงินก้อนอยู่ในมือพร้อมชำระด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าหนี้ก็ถามกลับมาว่า “ไม่มีเงินจ่าย แล้วจะมาขอต่อรองอะไร?” ยิ่งจ่ายงวดให้น้อยที่สุดได้ยิ่งดี เพราะหากเราเป็นเจ้าหนี้ก็ย่อมอยากได้เงินสดคืนมาอยู่แล้ว การยึดบ้าน ต้องไปขายทอดตลาดอีกที กระบวนการมันเยอะอยู่ ดังนั้นเราจึงปลอบเพื่อนไปว่า ยังไงก็ต้องลองขอ Hair cut หนี้ไปก่อน เจ้าหนี้แจ้งมาว่ายังไง ก็ค่อยหาวิธีแก้ไขกันไปอีกทีแต่หากเพื่อนนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย แล้วอยู่ ๆ มีหมายบังคับคดีมายึดบ้านจะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะถึงเวลานั้นการเจรจาต่อรองก็คงยากขึ้นไปอีก คิดในแง่ดีว่า เจ้าหนี้ส่งจดหมายทวงหนี้มาแบบนี้ เพราะเค้าคงอยากได้เงินมากกว่ายึดบ้าน (เราให้คะแนนแบบนี้)เครดิตภาพ : Skitterphotoในกรณีนี้ จะเห็นได้ว่าการชะล่าใจ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็คงไม่มีอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ กลับถูกลากดอกเบี้ยอย่างโหดร้ายที่สุด ดังนั้น เราควรรับรู้ด้วยว่าหนี้สินที่เราเป็นอยู่ มันเดินไปในทิศทางไหนแล้ว หากไม่สนใจจริง ๆ ก็ต้องแน่ใจว่า เราจะไม่มีทรัพย์สินหรือเงินเดือนให้เจ้าหนี้มายึดเอาไป ซึ่งอายุความบังคับคดี 10 ปี อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นกดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะเครดิตภาพปก : joelfotosบทความน่าอ่าน :- อยากปิดหนี้เน่าของตัวเอง ทำได้หรือไม่?- ลูกหนี้ต้องอ่าน!! เจรจาต่อรองลดหนี้ จนกว่าจะพอใจได้หรือไม่?- ห้ามโยกย้ายทรัพย์สิน หากได้รับหมายฟ้องหนี้บัตรแล้ว (เสี่ยงโดนคดีอาญา)