“ลูกหนี้โดนอายัดบัญชีจากเจ้าหนี้ที่มีสัญญาเงินกู้ แต่ไม่ใช่สถาบันการเงิน” ประโยคนี้มีเรื่องมีเล่าอีกเหมือนเดิม โดยจะแบ่งออกเป็น 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือ เจ้าหนี้สถาบันการเงินยึดไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และเจ้าหนี้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แต่ถือสัญญาเงินกู้เอาไว้ แล้วนำเรื่องไปแจ้งความ ... เรื่องราวเป็นมายังไง ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะเริ่มที่เรื่องของสถาบันการเงินก่อน ส่วนนี้เราต้องรู้ไว้เลยว่า ตั้งแต่จรดปากกาเซ็นยินยอมการกู้เงิน ก็หมายความว่า เรายอมให้ธนาคารหักเงินในบัญชีได้ (หากมีหนี้ค้างชำระ) หมายความว่าจะมีข้อความระบุเอาไว้ในสัญญา แต่ลูกหนี้ก็ไม่ค่อยได้อ่านกันเท่าไร เพราะตัวหนังสือในสัญญาเยอะแยะไปหมด และตัวเล็กทั้งนั้นเลย จนกระทั่งถูกหักเงินไปแบบงง ๆ ... และเรื่องนี้เกิดกับเพื่อนเราเองเพื่อนเราคนหนึ่งมีข้อสงสัยมาถาม บอกว่าเงินเดือนเข้ามา แล้วถูกหักออกไปเกือบหมดเลย จึงโทรไปถามที่ Call Center จึงได้ความมาว่า มีหนี้ค้างชำระกับธนาคารจำนวนหนึ่ง ระบบจึงหักออกไปชำระหนี้ตามที่ระบุเอาไว้ในสัญญาเงินกู้ และไม่สามารถคืนเงินให้ได้ จนกว่าลูกค้าจะทำให้หนี้สินอยู่ในภาวะปกติ หรือจ่ายหนี้ค้างชำระทั้งหมด ธนาคารก็จะไม่หักอีกต่อไปต้องบอกกว่าปกติเพื่อนเราจ่ายหนี้เอง ไม่ได้หักผ่านธนาคาร แต่ตอนนี้เข้าใจปัญหาแล้ว และต้องกลับมามองที่ปัญหาของตัวเอง ครั้นจะเปลี่ยนบัญชีเงินเดือน ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะบริษัทเค้าระบุให้ใช้ธนาคารนี้เท่านั้น ดังนั้นเราจึงบอกไปว่า ไม่ต้องไปเล่นแร่แปรธาตุอะไรแล้ว พยายามทำหนี้สินก้อนนี้ให้ปกติก่อนจะดีที่สุดเราแนะนำว่าจากนี้ไป ให้เลี่ยงการเป็นหนี้กับธนาคารเดียวกับที่เงินเดือนเข้า เพราะนี่คือเทคนิคที่คนส่วนใหญ่เค้าใช้กัน เผื่อเวลาที่มีหนี้ค้างชำระ ก็จะถูกหักเอาไปใช้หนี้แบบนี้เลย บางคนถูกหักจนเหลือแค่พันเดียวก็มี นั่งร้องไห้เลยล่ะ...ต่อมา เป็นเรื่องของเจ้าหนี้นอกระบบแบบถูกกฎหมายกันบ้าง เจ้าหนี้กลุ่มนี้เค้ามีสัญญาเงินกู้อยู่ในมือ และไม่ได้คิดดอกเบี้ยผิดกฎหมาย ดังนั้นเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระ ก็นำเอกสารไปขอแจ้งความ เพื่อขออายัดเงินในบัญชี ซึ่งเอาจริง ๆ เราไม่ค่อยเห็นเจ้าหนี้ทำแบบนี้เท่าใดนัก เพราะส่วนใหญ่จะคิดดอกเบี้ยเกินเอาไว้ จึงต้องชั่งใจประมาณหนึ่งในการแจ้งความหรือฟ้องศาล แต่เพื่อนเราก็โดนอายัดบัญชีเข้าจนได้ ...เรื่องราวคือไปยืมเงินเจ้าหนี้คนหนึ่งเอาไว้ เค้าคิดดอกเบี้ยที่ 15% ต่อไป ซึ่งถูกต้องตามกฎหมายแป๊ะ! พอถึงเวลาก็ไม่มีจ่าย เจ้าหนี้จึงตามทวงครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งไปแจ้งอายัดบัญชี และบัญชีนี้ก็มีเงินเดือนเข้าอยู่ด้วย จึงต้องรีบไปหาเงินมาจ่ายเจ้าหนี้จนครบทั้งต้นและดอกเบี้ยทีนี้น่าจะถูกเจ้าหนี้เอาคืนบ้าง เพราะเค้ารับปากว่าจะไปแจ้งยกเลิกอายัดให้ แต่ก็ไม่ยอมไป อ้างว่ายังไม่ว่าง และขอค่าเดินทางด้วย หลังจากโอนไปให้แล้ว ก็ยังคงอ้างไปอีกเรื่อย ๆ แล้วจะทำยังไงกันดี!! เราจึงบอกเพื่อนไปว่า ให้ไปที่สถานีตำรวจที่ถูกแจ้งความ เพื่อขอให้ตำรวจช่วยติดต่อให้เจ้าทุกข์มาเจรจา และอย่าลืมนำหลักฐานการชำระหนี้ไปด้วยจะเห็นได้ว่า วิธีการแก้ปัญหาของเจ้าหนี้ใช้วิธีพื้นฐานเท่านั้น ไม่ต้องมีทนาย ไม่ต้องไปศาลให้ยุ่งยาก นำหลักฐานไปแจ้งความขออายัดบัญชีกันไปเลย และได้เงินคืนจริง ๆ ซะด้วย ที่สำคัญไม่ได้อายัดแค่ยอดหนี้เท่านั้น แต่อายัดทั้งบัญชีกันเลยทีเดียว และหากอายัดไปที่บัญชีเงินเดือน ก็เป็นอันว่าลูกหนี้ต้องรีบหาเงินมาคืนอย่างรวดเร็ว เพราะเงินก้อนอื่น ๆ ก็พลอยถอนออกไม่ได้ด้วย ส่วนธนาคารสามารถหักเงินได้ ตามสัญญาที่เราเป็นเซ็นเอาไว้อย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน ท้ายนี้ แม้เราจะเขียนเรื่องการปลดหนี้เป็นส่วนใหญ่ โดยใช้วิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสามารถยื้อเวลาในการหาเงินออกไปได้พอสมควร แต่เรื่องนี้ต้องเน้นย้ำให้ลูกหนี้ หาเงินไปคืนเจ้าหนี้ให้ไว เพราะมิเช่นนั้น อาจเกิดเหตุฉุกเฉินทั้งสองกรณีนี้ได้กดที่รูปโปรไฟล์ แล้วกด “ติดตาม” เอาไว้นะคะ เรามีประสบการณ์เรื่องการจัดการหนี้สินและการเงินมาแชร์อีกเยอะเลยค่ะ บทความน่าอ่าน :- หนี้เสียต้องใส่ใจ ระวัง!! ถูกอายัดเงินเดือนและเงินฝากแบบไม่รู้ตัว- แก้ปัญหาหนี้สินที่ไม่ได้ก่อให้จบ ก่อนถูกอายัดเงินเดือนแบบไม่ทันตั้งตัว!!- เจ้าหนี้ต้องอ่าน!! จัดการกับลูกหนี้แชทยืมเงินยังไง? ให้ถูกต้องตามกฎหมายเครดิตภาพ pixabay : ภาพปก Capri23auto / ภาพที่ 1 Free-Photos / ภาพที่ 2 Mimzy / ภาพที่ 3 epicioci / ภาพที่ 4 Erdenebayar