ภาพหน้าปกโดย : sport.trueid.net เมื่อถึงช่วงวัยและเวลาหนึ่งมนุษย์เราต้องมีการตัดสินใจครั้งสำคัญ นั่นคือการเลือกทางเดินของชีวิต เรียนสาขาไหน ทำงานอะไร จะเป็นตัวกำหนดเส้นทางของเราแทบจะชั่วชีวิตเลยก็ว่าได้ ชีวิตของนักฟุตบอลเองก็ไม่ต่างกัน ในยามไร้ชื่อเสียง อยู่นอกสปอร์ตไลท์ หรือยังเป็นนักเตะโนเนมพวกเขาเองก็ต้องเลือกว่าจะไปต่อในเส้นทางสายลูกหนัง หรือยุติเส้นทางนี้ลงเพื่อดำเนินชีวิตในเส้นทางอื่นที่อาจจะรุ่งโรจน์กว่า และคงต้องบอกว่าโชคดีแล้วที่บรรดาแข้งดังเหล่านี้เลือกเล่นฟุตบอล เพราะไม่เช่นนั้นโลกอาจจะไม่รู้จักพวกเขาเหล่านี้เลยก็เป็นไปได้ ภาพโดย : sport.trueid.net เจมี่ วาร์ดี้ ในปี 2011 เจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงปาฏิหาริย์ค้าแข้งอยู่กับ ฟลีตวู้ด ทาวน์ ทีมระดับตำบลที่แม้แต่คนอังกฤษเองยังแทบไม่เคยได้ยินชื่อ ขณะนั้นหนุ่มน้อยวัย 25 ปีได้รับค่าเหนื่อยเพียงไม่กี่สิบปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เขาจึงต้องทำงานพิเศษเป็นพนักงานคิดเงินในห้างสรรพสินค้า ช่วงเวลานั้นเองที่ดาวยิงเท้าจรวดเริ่มคิดว่าเขาควรยุติอาชีพค้าแข้งแล้วหันไปทำงานเต็มเวลาดีกว่าไหม? แต่แล้วเขาก็ยังเลือกที่จะเล่นฟุตบอลต่อไป แม้จะดูเหมือนเป็นงานอดิเรกมากกว่าอาชีพที่เลี้ยงตัวได้ก็ตาม ซึ่งต้องบอกว่าวาร์ดี้คิดถูกที่ไม่ทิ้งฟุตบอล เพราะฤดูกาลนั้นเองแมวมองของ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ไปเห็นแววของเขาแล้วจึงจับเซ็นสัญญาในปีถัดมา และเทพนิยายสุดคลาสสิคของทีมจิ้งจอกสยามก็เริ่มขึ้นนับจากนั้นอย่างที่ทุกคนทราบกันดี ริคาร์โด้ กาก้า นักฟุตบอลระดับโลกส่วนใหญ่มักจะมาจากครอบครัวอันแร้นแค้นและเราก็มักจะประทับใจกับเรื่องราวของพวกเขาทุกคน แต่มีไม่มากนักที่แข้งดังจะคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดเช่นดัง ริคาร์โด้ กาก้า พ่อหนุ่มหน้ามนฉายาผีกาก้ามีพื้นฐานครอบครัวสมบูรณ์แบบแถมยังมีทางเลือกดีๆ ในชีวิตให้เลือกมากกว่าหนึ่ง เช่นตอนที่เขายังเป็นเด็กครอบครัวอยากให้เอาดีทางด้านเทนนิสเพราะเห็นว่าเขาเล่นกีฬาชนิดนี้ได้ดีกว่าฟุตบอล ซึ่งครอบครัวมีทุนทรัพย์มากพอจะผลักดันให้เขาขึ้นไปสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลกได้ ทว่า ด.ช.ริคาร์โด้ กาก้า เลือกเดินในเส้นทางสายลูกหนัง ซึ่งใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดถูก 100% เพราะเกือบยี่สิบปีให้หลังเพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิเลี่ยนกลายเป็นนักเตะบัลลงดอร์ในปี 2007 และเพลงแข้งของเขายังติดตาตรึงใจแฟนบอลไม่รู้ลืม ภาพโดย : sport.trueid.net โรเมอู ลูกากู ด้วยสรีระสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่น ความสูงของดาวยิงเบลเจี้ยนนั้นเกิน 190 ซ.ม.ตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี แถมยังมีฝีไม้ลายมือในการเล่นบาสเก็ตบอลไม่เบา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่แมวมองจากทีมบาสเก็ตบอลทั่วยุโรปจะเทียวไล้เทียวขื่อ โรเมอู ลูกากู อยู่ตลอด ทว่าศูนย์หน้าฉายา "พี่ตู้" กลับเลือกเล่นฟุตบอลเพียงเพราะตอนนั้นมีคนปรามาสว่าด้วยสรีระใหญ่โตเทอะทะบวกกับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า เขาจะไม่มีทางเอาดีด้านฟุตบอลได้อย่างแน่นอน ซึ่งเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าคนที่ปรามาสลูกากูนั้นมีวิสัยทัศน์ที่ผิดถนัด เพราะดาวยิงร่างยักษ์ผู้นี้กลายเป็นนักฟุตบอลฝีเท้าระดับโลกได้ด้วยจุดแข็งด้านความบึกบึนและความเฉียบขาดในการสังหารประตูโดยไม่จำเป็นต้องมีความเร็วและความคล่องตัวอะไรมากมายเลย ภาพโดย : sport.trueid.net แดเนี่ยล เจมส์ เรียนหนังสือกับซ้อมฟุตบอลเป็นเพียงสองสิ่งที่ แดเนี่ยล เจมส์ ได้ทำในช่วงอายุ 12 ปี ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่เด็กคนหนึ่งจะก้าวเข้าสู่ความเป็นวัยรุ่น แน่นอนว่ามันทั้งสับสนและเหงามากๆ เพราะเพื่อนๆ วัยเดียวกันได้ใช้เวลาของพวกเขาอย่างมีอิสระทั้งเล่นเกม จีบหญิง ได้จูบแรก ไปปาร์ตี้ หรือแม้แต่ทำหลายๆ อย่างตามใจตัวเอง เจมส์ในขณะนั้นปรึกษากับโค้ชของเขาที่สโมสร ฮัลล์ ซิตี้ โชคดีที่โค้ชผู้นั้นคัดค้านไม่ให้เขาทิ้งการเล่นฟุตบอลเพื่อออกไปเป็นวัยรุ่นธรรมดาๆ คนหนึ่ง เพราะโค้ชจากทีมหัวเสือเห็นว่าปีกชาวเวลส์มีแววจะเป็นนักฟุตบอลฝีเท้าดีในอนาคต ซึ่งเจมส์ก็เชื่อฟังคำแนะนำแต่โดยดีแล้วก็มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองต่อไป สองปีถัดจากนั้นในวัย 14 เขาได้รับใช้ทีมชาติชุดเล็ก เก้าปีต่อมากลายเป็นผู้เล่นในสโมสรอันมีเกียรติอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของวงการฟุตบอลณ.เวลานี้ ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับชีวิตของนักฟุตบอลเหล่านี้ก็คือเมื่อเลือกจะทำอะไรสักอย่างแล้วเราก็ควรจะพยายาม มุ่งมั่นอย่างเต็มที่กับสิ่งที่เราเลือก ไม่ว่าผลลัพท์จะออกมาแบบไหนแต่อย่างน้อยๆ เมื่อถึงที่สุดแล้วเราก็จะภูมิใจได้ว่าทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดลงไปกับสิ่งที่เลือกอย่างเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ดีหากทุกอย่างไม่เป็นดังหวังชีวิตของมนุษย์เราก็ยังค้นพบโอกาสใหม่ๆ ได้อยู่เสมอ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรรอเราอยู่ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่ตัวเองเลือกและทำมันได้ดีไม่ขาดตกบกพร่องเช่นเดียวกับนักฟุตบอลที่เราหยิบยกชีวิตของพวกเขามาเป็นตัวอย่างในวันนี้...สวัสดี