บินลัดฟ้ามาเที่ยวฮานอยเมืองหลวงของเวียดนาม ต้องทักทายกันด้วย ซินจ่าว กันก่อน ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศที่มีประชากรเกือบ 90 ล้านคน และที่สำคัญคือ ถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกในตอนนี้ ด้วยประชากรอยู่ในวัยกำลังบริโภค เป็นคนหนุ่มสาววัยทำงาน มีการใช้จ่ายในอัตราที่เติบโตอย่างมาก ทำให้นักลุงทุนต่างชาติหันไปสนใจประเทศเวียดนาม โดยดูจากในประเทศไทยหลาย ๆ บริษัทต่างย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่เวียดนาม เช่น บริษัทซัมซุง บริษัทพานาโซนิค และอีกหลายโรงงานก็ย้ายไปตั้งฐานการผลิตที่เวียดนาม อาจด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูงและค่าแรงยังต่ำจึงเป็นเหมือนแม่เหล็กขนาดใหญ่ และที่สำคัญการเมืองของประเทศเวียดนามไม่มีปัญหาเรื่องความมีเสถียรภาพเหมือนกับบ้านเมืองเรา ทำให้นักลงทุนเอกชนต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกให้ความสนใจ อย่างในประเทศไทยเจ้าของอมตะนคร ก็ไปสร้างนิคมอุสาหกรรมที่เวียดนาม คนเวียดนามรู้จักคุณวิกรมเป็นอย่างดี ทำให้ผู้เขียนก็เลยสนใจเวียดนามเป็นพิเศษ อยากมาสัมผัสเมืองที่กำลังเติบโตทางด้านเศรษฐกิจด้วยตาตัวเองว่าเป็นอย่างไร จุดแรกที่ผู้เขียนมาเยือนคือสุสานโฮจิมินห์ หรือชาวบ้านเรียกกันว่า ลุงโฮ ถือเป็นรัฐบุรุษ หรือบิดาของประเทศผู้ประกาศอิสระภาพของชาวเวียดนาม และเป็นนายกรัฐมนตรีของเวียดนามตัวอาคารสร้างด้วยหินอ่อน หินแกรนิต และไม้ที่ดี ๆ ได้รับการออกแบบคล้ายกับสุสานของเลนินในกรุงมอสโคว์ ทางรัฐบาลสร้างให้เป็นเกียรติ แก่ท่าน เพื่อให้ประชาชนคนรุ่นหลังได้รู้ที่มาที่ไปของตัวเองโฮจิมินห์ จากไปในวัย 79 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ศพของท่านได้บรรจุไว้ในโรงแก้ว ด้านในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป และการเข้าไปเคารพศพตัองแต่งกายสุภาพ ห้ามส่งเสียงดัง กิริยาสำรวม มีทหารคอยตรวจตราอย่าเข้มงวด ถ้าใครเคยอ่านประวัติลุงโฮ ถือว่าเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติของชาวเวียดนามอย่างมาก และลุงโฮเคยลี้ภัยทางการเมืองมาที่ประเทศไทยในจังหวัดนครพนมเป็นเวลาถึง 7 ปี วันนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยื่ยมชมค่อนข้างคึกคักมาก คิวต่อแถวถือว่าเนืองแน่นกันทีเดียว ดูห้องทำงานลุงโฮกัน มีรูปปั้นลุงโฮกำลังนั่งทำงานอยู่ด้วย ยิ่งดูยิ่งทำให้เห็นว่าคนที่ยิ่งใหญ่เป็นบุคคลที่เรียบง่าย บ้านหลังใหญ่สร้างให้ท่าน ท่านก็ไม่อยู่ ท่านเลือกอยู่ที่เล็กก็ทำงานได้ นับว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่องอย่างมาก ทำเนียบประธานาธิบดีคือจุดต่อไป เราไปถ่ายรูปที่ทำเนียบเหลือง เป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองตัวอาคารสีเหลืองสวยงามที่ชาวฝรั่งเศลสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1901 ไว้เป็นที่ติดต่องานของทางการ นั่งรถชมวิวบ้านเมือง ได้ยินเสียงแตรอยู่เป็นระยะ ๆ อาคารบ้านเรือนที่นี่จะสร้างเป็นทรงหน้าแคบและลึกยาวทั้งในและนอกกรุงฮานอย มาต่อด้วยการดูแสดง หุ่นกระบอกน้ำของชาวฮานอย เป็นการแสดงวัฒนธรรมพื้นฐานของชาวเวียดนามมีมากว่าพันปีแล้ว เพราะฮานอยมีที่ราบลุ่มต่ำของแม่น้ำแดง ตรงนี้จะมีน้ำท่วมทุกปีอย่าสม่ำเสมอ ชาวบ้าน ชาวสวน ชาวนา ต่างไม่รู้จะทำอะไรดี เลยคิดกิจกรรมสนุก ๆ ขึ้น กลายมเป็นศิลปะ สืบทอดจนมาถึงทุกวันนี้ โดยมีผู้ชักหุ่นกระบอกอยู่หลังฉาก การแสดงจะมีเครื่องดนตรีพื้นบ้านขับกล่อมเป็นเพลงเล่นสดอย่างสนุกสนาน ขึ้น Cable Car ที่สวนสนุก Sun World ชมความงามยามค่ำคืนของฮาลองเบย์ บอกเลยว่าสวยงามมากได้ชมแสงไฟระยิบระยับในเมือง ยามค่ำคืน อิ่มอร่อยกับอาหารค่ำแบบจุก ๆ ทั้งกุ้ง กั้ง ปลาทอด ปลาหมึก ห้องพักก็ใหม่สะอาด คืนนี้นอนหลับฝันดีแน่นอน การได้มาท่องเที่ยวเหมือนการได้มาพักผ่อน ให้สมองได้พัก คิดเรื่องราวใหม่และโอกาสใหม่ ๆ อาจเกิดขึ้นในช่วงที่เรากำลังเดินทางก็ได้นะ การได้ออกเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ของโลกทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ การที่จะมีประเทศชาติขึ้นมาได้ในทุกวันนี้ แต่ละประเทศต้องแลกมาด้วยความเสียสละของบุคลลไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนชีวิต ที่เสียสละเพื่อความเป็นอิสรภาพของพี่น้องร่วมชาติ เราควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ในอดีตและนำบทเรียนเหล่านั้นมาเป็นเครื่องเตือนให้คนรุ่นหลังรักและหวงแหนในแผ่นดิน ปกป้องจากความไม่ถูกต้องเรื่องการถูกเอารัดเอาเปรียบหรือกดขี่พี่น้องร่วมชาติ จากผู้ไม่หวังดีทั้งในและนอกประเทศ และการได้ออกมาท่องเที่ยวทำให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของคนเวียดนาม และเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และทำให้รู้ว่าชาวเวียดนามมีความขยันและรักความสนุกสนานชอบอยู่รวมกลุ่มทำกิจกรรมนอกบ้าน ทั้งกลางวันและกลางคืนทำให้มีร้านรวงเล็กเต็มไปหมด การเดินทางเหมือนได้ออกไปเรียนรู้โลกกว้าง ทริปหน้าจะไปเที่ยวที่ไหนแล้วจะมาเขียนเล่าใหม่ให้เพื่อนฟังใหม่นะคะ >.< เรื่องและภาพ ฟ้าเปลี่ยนสี