สำหรับช่วงเวลากักตัวอยู่กับบ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั่วโลก แน่นอนว่าการอยู่กับบ้านเป็นเวลานาน แต่ละคนย่อมมีวิธีการในการเยียวยาสภาพจิตใจและบำบัดความเครียดให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้าน ตกแต่งสวนหน้าบ้าน ใช้เวลากับครอบครัวและสัตว์เลี้ยง ดูหนัง ฟังเพลง และอีกสารพัดวิธีที่พอจะพยุงตัวพยุงใจให้ผ่านวิกฤตการณ์โรคระบาดนี้ไปได้ แต่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับกิจกรรมระหว่างกักตัวที่กำลังมาแรงทั่วโลก นั่นคือการฟังพอดแคสต์ (Podcast) ความจริงพอดแคสต์มีมานานหลายปีแล้ว แต่ต้องย้อนไปเมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว สมัยที่ตลาดพอดแคสต์ยังไม่เติบโตมากอย่างวันนี้ เราจะพบว่าบริษัทผู้ผลิตพอดแคสต์ยังมีเพียงไม่กี่เจ้า ที่คุ้นเคยกันในช่วงแรกน่าจะเป็นพอดแคสต์ว่าด้วยข่าวสารบ้านเมืองประจำวัน เรียกว่าเป็นยุคตั้งไข่ของวงการพอดแคสต์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นผลสำรวจจากหลายสำนักมักจะชี้ให้เห็นว่า กลุ่มคนที่ฟังพอดแคสต์ในยุคแรกเริ่มจะเป็นนักธุรกิจและนักการเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่มองกลับมายังวันนี้ ตลาดพอดแคสต์เติบโตขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว หลายบริษัทแข่งขันกันผลิตพอดแคสต์อย่างมีคุณภาพ มีการดึงเอาดารา นักแสดง นักพูดที่มีฝีไม้ลายมือในประเทศมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพอดแคสต์ยุคใหม่ นั่นจึงทำให้กลุ่มคนที่ฟังพอดแคสต์ขยายวงกว้างมากขึ้น รวมทั้งคนรุ่นมิลเลนเนียล (Millennials) และคนเจน Z นั่นเอง ผลสำรวจที่น่าสนใจของ Adobe Analytics รายงานว่า ช่วงต้นปี 2020 ทั่วโลกมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันพอดแคสต์ในสมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 65 และส่วนใหญ่ประชากรรุ่นมิลเลนเนียลและเจน Z เป็นกลุ่มที่เพิ่งใช้งานแอปพลิเคชันพอดแคสต์เป็นครั้งแรก คาดว่าน่าจะมาจากการหากิจกรรมทำขณะกักตัวเป็นปัจจัยหลัก ส่วนปัจจัยรองลงมาอาจเป็นผลจากการเติบโตของตลาดพอดแคสต์ มีเนื้อหาให้เลือกสรรอย่างหลากหลายตามจริตการฟังของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเรียนคำศัพท์ เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ คำแนะนำสำหรับการทำธุรกิจ การเมือง เศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ยังมีการสำรวจผ่านการตอบแบบสอบถามซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเป็นชาวอเมริกันทุกช่วงวัย ซึ่งเป็นไปตามสถิติการใช้งานที่ได้กล่าวไปในตอนต้น ฐานผู้ฟังพอดแคสต์ยังคงเป็นคนรุ่นมิลเลนเนียล รองลงมาคือเจน Z พบว่าส่วนใหญ่จะฟังพอดแคสต์ระหว่างเดินทางไปทำงานในตอนเช้า และไม่น่าเชื่อว่ารายการพอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นรายการตลก รองลงมาคือเรื่องราวเกี่ยวกับการศึกษา ประวัติศาสตร์ และข่าวอาชญากรรม ซึ่งอาจจะสะท้อนสภาพสังคมในโลกปัจจุบันที่มีแต่เหตุการณ์ตึงเครียด ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกรับเรื่องตลกมาใส่หัวเพื่อบรรเทาความเครียดจากเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ก็ยังไม่ทิ้งข่าวสารประจำวัน รวมทั้งการศึกษาประวัติศาสตร์มาเป็นบทเรียนในการใช้ชีวิต ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างบอกว่าการฟังพอดแคสต์ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านหนังสือ หลายเรื่องราวที่ฟังแล้วเข้าใจได้เลยในเวลาไม่กี่นาที ดีกว่าการอ่านหนังสือเล่มหนาเป็นตั้งแต่สุดท้ายอาจจะไม่เกิดความเข้าใจเหมือนมีคนมาเล่าให้ฟัง ส่วนในประเทศไทย จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองคิดว่า พอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น เป็นพอดแคสต์เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษ และพอดแคสต์ด้านการเล่าประสบการณ์รวมทั้งวิธีการจัดการกับปัญหาและอุปสรรคในชีวิตจากบุคคลหลายแวดวง หากจะให้แนะนำพอดแคสต์ดี ๆ คงต้องบอกว่าโดยส่วนตัวชอบฟังจาก The Standard Podcast เพราะมีเนื้อหาให้เลือกฟังอย่างหลากหลาย ทั้งเรื่องราวการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จจากนักธุรกิจแนวหน้าของบ้านเรา เรื่องราวว่าด้วยการจัดการการเงินและการลงทุน การเรียนรู้คำศัพท์จากสถานการณ์โลก และอีกหลายประเภทที่เราสามารถเลือกฟังได้ตามใจชอบ เอาเป็นว่าอยากให้ทุกคนลองใช้เวลาฟังพอดแคสต์วันละ 15-20 นาที จะพบว่าโลกนี้มีเรื่องราวอะไรให้เราศึกษาค้นคว้าอีกมากมาย หลายเรื่องที่เราสงสัยมาตลอดชีวิต อาจจะได้คำตอบเมื่อหันมาฟังพอดแคสต์ก็เป็นได้ รูปภาพหน้าปก โดย Omid Armin : Unsplash ภาพประกอบที่ 1 โดย Austin Distel : Unsplash ภาพประกอบที่ 2 โดย Eran Menashri : Unsplash ภาพประกอบที่ 3 โดย Juja Han : Unsplash