"เเกมันก็เเค่ผลิตภัณฑ์ของเรา เเละเราจะไม่ยอมให้ผลิตภัณฑ์ของเราเล่นงานเราเองจริงไหม?" RoboCop เป็นภาพยนตร์เเนว sci-fi ที่ได้เเรงบันดาลใจมาจากโปสเตอร์หนังเรื่อง Blade Runner (1982) เเละชื่อดั้งเดิมชื่อว่าซุปเปอร์คอป เเต่ถูกเปลี่ยนเป็น RoboCop ในภายหลังRoboCop ถูกเสนอให้กับผู้กำกับภาพยนตร์ใน Hollywood หลายๆคน เเต่ก็ถูกปฏิเสธเพราะชื่อที่ดูเหมือนหนังการ์ตูนเด็กน้อยตอนเช้า จนบริษัท Orion สนใจเพราะได้ประสบความสำเร็จจากหนังเรื่อง Terminator เเละในที่สุดบทถูกเสนอให้กับผู้กำกับภาพยนตร์ชาวดัตช์ พอล เวอร์โฮเวน ที่เพิ่งโด่งดังจากภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องเเรกของเขา Flesh + Blood (1985) เเต่ก็ถูกปฏิเสธเหมือนเคย อย่างไรก็ดีภรรยาของพอลได้เก็บบทภาพยนตร์ที่ถูกทิ้งออกมาจากถังขยะ เเละตั้งใจอ่านมันจนจบ เธอบอกเขาว่าบทมันลึกกว่านั้นมากกว่าที่เขาคิด มันทำให้เขาเชื่อภรรยาของเขาเเละตัดสินใจทำมันในทันที เเละพยายามดันให้ RoboCop เป็นพระเยซูยุคใหม่ของชาวอเมริกันในเมืองดีทรอยต์ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม อเล็กซ์ เมอร์ฟรี่ย์ ตำรวจสายตรวจถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายโดยเเก๊งค์ที่นำโดย แคล์เเลนซ์ บ๊อดดิ๊กเกอร์ ได้ถูกชุบชีวิตขึ้นโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ Omni Consumer Producers หรือ OCP ให้เป็นมนุษย์หุ่นยนต์ สุดยอดผู้บังคับกฏหมาย RoboCopตัวอย่างภาพยนตร์: https://youtu.be/3mYNl6GcCWQRoboCop ไม่ได้เป็นเเค่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ เเต่หนังยังทำนายอนาคต จิกกัดความเป็นอเมริกัน พร้อมกับตั้งคำถามให้กับเรา สะท้อนความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่บริษัทยักษ์ใหญ่สามารถมีอิทธิพลกับโครงการเเละนโยบายต่างๆของรัฐบาล เเละการดำเนินชีวิตของเรา บริษัทสามารถเเก้ไขกฏหมายให้เป็นกฏหมู่ ชักใยองค์กรณ์ตำรวจ สำนักข่าว เเละหุ่นยนต์-product ของบริษัทที่เป็นสิ่งให้ช่วยประชาชน กลับเป็นเครื่องมือของบริษัทที่สามารถโปรเเกรมให้เอื้ออำนวยผลประโยชน์ของบริษัทนั้นๆ หรือทำให้คนในองค์กรณ์นั้นๆสามารถใช้ช่องว่างนี้เพื่อตักตวงผลประโยชน์ของตัวเองRoboCop ใช้โฆษณา-ข่าวในการหลอกด่าเเนวคิดของอเมริกันชนในยุค 80sเกมบอร์ด NUKEM "เล่นมันก่อนที่มันจะเล่นเรา" ที่เเข่งโจมตีระเบิดนิวเคลียร์ใส่คู่ต่อสู้: https://youtu.be/kZAGZvwHLz86000 SUX "เพราะใหญ่กว่า ย่อมดีกว่า วิถีอเมริกันชน" รถสำหรับผู้บริโภคเเบบไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่ต้องการรถเครื่องใหญ่ๆปล่อยมลพิษเยอะกับอัตราการบริโภคน้ำมันเเย่ๆ: https://youtu.be/rJuABtjlIWUPeter Weller นักเเสดงที่เป็นสมบูรณ์เเบบที่สุด ปีเตอร์ เวลเลอร์ ทุ่มเทสุดตัวให้กับบทมาก ใช้เวลาในการใส่ชุด RoboCop ถึง 8-10 ชั่วโมงต่อวัน การเเสดงออกทางอารมณ์ด้วยปาก ท่าทาง โทนเสียงเเละการ deliver บทสนทนาเเบบหุ่นยนต์ เเต่ยังคงความเป็นมนุษย์ไปพร้อมๆกัน เขาศึกษาละครใบ้ ผสมผสานการเต้นกับ choreographer เเละทักษะอื่นๆเป็นเวลาถึง 7 เดือนเพื่อให้ได้การเเสดงที่ออกมาดีที่สุด นอกจากนั้นความโชคร้ายที่หนังถูกถ่ายทำตอนฤดูร้อนอีกซึ่งทำให้เป็นงานที่หนักมากสำหรับคนๆหนึ่ง เขาต้องเสียน้ำไปมากในเเต่ละวัน ทำให้น้ำหนักตัวลดลงถึงวันละ 3-5 กิโลกรัมต่อวันจากการเสียน้ำ นอกจากนี้เพื่อให้ได้การเเสดงที่ดีที่สุด ปีเตอร์เลือกที่จะเเสดงด้วยเทคนิค Method Acting (นักเเสดงต้อง 'กลาย' เป็นตัวละครจริงๆ เพื่อให้เข้าถึงบทบาทมากที่สุด) เขาไม่เคยหลุดจากตัวละครระหว่างเทคเลย จนนักเเสดงร่วมต้องยอมใจเรียกชื่อตัวละครของเขาไม่ว่าเขาจะเล่นเป็นใครในวันนั้น Robo หรือเมอร์ฟรี่ เเละไม่ว่าปีเตอร์จะเล่นเป็นใคร เขาประสบความสำเร็จที่จะกลายเป็นคนๆนั้นจริงๆในหนังเราจะได้เห็นคนที่ตายเเล้วเกิดใหม่เป็นหุ่นยนต์ เเละความเป็นมนุษย์ที่ค่อยๆกลับมาอย่างงดงาม นอกจากนี้ผู้กำกับยังเลือกเล่าผ่าน shot point of view หรือภาพเเทนตาของทั้งเมอร์ฟรี่เเละโรโบคอปทำให้เรารู้สึก เข้าถึงผ่านมุมมองของตัวละคร ทำให้คนดูเสมือนกับได้กลายร่างเป็นโรโบคอปไปพร้อมกับเมอร์ฟรี่อีกด้วย ไม่ว่าจากภาพที่โรโบคอปเห็น interface ต่างๆ ภาพโปรเเกรมการช่วยเล็งปืน การอัดเสียง หรือภาพอัดวิดีโอก็เป็นเหมือนกับไฟล์ที่สามารถย้อนกลับมาเปิดใช้ตอนไหนก็ได้ ภาพ flashback ในอดีตที่เป็นเหมือนกับ bug/ความผิดพลาดของโปรเเกรม ฝันร้ายเวลาที่โรโบคอปหลับ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้โรโบคอปเป็นสุดยอดหุ่นยนต์ผู้บังคับกฏหมายที่มีความเป็นมนุษย์เหมือนกับเราทุกคนหนังใช้ practical special effects, squid (เลือดระเบิด), prosthetic makeup, เทคนิค stop-motion, matte painting ที่ทำให้ดูเหมาะกับสไตล์ของ RoboCop (1987) มากกว่า CG ใน RoboCop remake ในปี 2014 เเละสิ่งเหล่านี้กำลังจะเลือนหายไปจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปัจจุบันสุดท้ายเเล้ว RoboCop ถึงเเม้ผมได้ดูในตอนเด็กตัวน้อย เเต่มันไม่ได้เป็นหนังการ์ตูนเด็กตอนเช้าเเน่นอน เเม้เวลาผ่านไปนานนับ 20 กว่าปี กับมุมมองในการดูหนังที่เปลี่ยนไป โทนหนังที่เป็นหนังผู้ใหญ่อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าหนัง hard R เนื้อหาที่มีมิติมีนัยทางศาสนา ทำให้เพิ่มความสนุกให้มากขึ้น หนัง remake ที่ทำเป็นหนังที่ดูไม่สนุกเอามากๆกลับทำให้เรื่องนี้เป็นตำนานมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีผมคิดว่าเด็กไม่ควรดู เพราะความรุนเเรง ฉากโป๊ ยาเสพติด เเละภาษาที่หยาบ เเต่ผมมั่นใจว่าถ้าจะดูก็ไม่ผิดอะไร เพราะหนังเรื่องนี้มีความชัดเจน สะท้อนถึงความดีงาม ธรรมะที่ต้องเอาชนะอธรรม ไม่ได้ยกย่องความเลวให้เอาเเบบอย่างผมขอให้คะเเนน 8/10 ตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องคือ แคล์เเลนซ์ บ๊อดดิ๊กเกอร์ หนึ่งในตัวร้ายสุดเเสบเเละมันที่สุดที่เคยถูกบันทึกลงเเผ่นฟิล์มถ้าคุณรักหนัง คุณต้องหามาดูให้ได้ #หนังดี #โครตเเนะนำ #จูกัดจิ๋ว #รีวิวหนังขอขอบคุณภาพปกจากค่าย Orion เเละ wall.alphacoders.com / ขอขอบคุณภาพประกอบ#1 จากค่าย Orion เเละ sothetheorygoes.com / ขอขอบคุณภาพประกอบ#2: https://speculativeidentities.com/research/omni-consumer-products / ขอขอบคุณภาพประกอบ#3 จากค่าย Orion เเละ YouTube / ขอขอบคุณภาพประกอบ#4 จากค่าย Orion เเละ: YouTube / ขอขอบคุณภาพประกอบ#5 จากค่าย Orion เเละ IMDB / ขอขอบคุณภาพประกอบ#6 จากค่าย Orion เเละ IMDB / ขอขอบคุณภาพประกอบ#7 จาก stopmotiongeek.blogspot.com / ขอขอบคุณภาพประกอบ#8 จาก paragraphfilmreviews.com