หงส์แดงผงาด ฟาดแชมป์สโมสรโลก (เครดิตภาพโดย https://stock.adobe.com/) ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ปี 2019 จากการชนะทีมฟลาเม็งโก้ 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ธันาคม ที่ผ่านมา จนทำให้พวกเขาได้แชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรกซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรและยังเป็นทีมสโมสรแรกของประเทศอังกฤษที่สามารถกวาดแชมป์ 3 รายการใหญ่ คือ ได้ทั้งแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก ภายในปีปฏิทินเดียวกัน นับเป็นปีทองของทีมลิเวอร์พูล ทีมเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการจริง ๆ ลิเวอร์พูลลงประเดิมชนะมอนเตร์เรย์แบบหืดจับ 2:1 (เครดิตภาพโดย https://stock.adobe.com/) ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกตัวแทนจากทวีปยุโรป เริ่มต้นภารกิจลุ้นแชมป์สโมสรโลก ในรอบรองชนะเลิศด้วยการพบทีมมอนเตร์เรย์ ทีมแกร่งจากเม็กซิโก แชมป์โซนคอนคาเคฟ ทีมลิเวอร์พูลภายใต้การนำทีมของ เยอร์เก้น คลอปป์ ผู้จัดการทีม ออกสตาร์ตด้วยการโรเตชั่นทีมโดยใช้ ดิว็อก โอริกี้ และเซอร์ดาน ชากิรี่ ลงเล่นแทนโรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ และซาดิโอ มาเน่ กองหน้าตัวเป้าเป็น โม ซาลาห์ กองกลางเป็น นาบี้ เกอิต้า, อดัม ลัลลาน่า และอเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน กองหลังจำเป็นต้องใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมถอนมายืนเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็นคู่กับโจ โกเมซ หลังกองหลังตัวเก่งของทีมอย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค เป็นไข้ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยที่จะลงสนาม และให้เจมส์ มิลเนอร์ ยืนแบ็กขวาเล่น โดยมีแบ็คซ้ายยังเป็นแอนดรูว์ โรเบอร์สัน และผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีม คือ อลิสซง เบ็คเกอร์ ทำหน้าท่ี่ประจำการเฝ้าเสาประตู นัดนี้ไม่ง่ายสำหรับทีมหงส์แดง แม้ว่าจะได้ประตูออกนำไปก่อนในนาทีที่ 12 นาบี้ เกอิต้า ที่ได้รับบอลจ่ายจาก โม ซาลาห์ แล้วซัดเสียบเสาแรกอย่างแม่นยำทำให้ลิเวอร์พูลนำมอนเตร์เรย์ 1:0 ดีใจได้ไม่นานทีมมอนเตร์เรย์ ตามตีเสมอได้ทันควันในนาทีที่ 18 จากฟูเนส โมริ ทำให้จบเกมครึ่งแรกเสมอกันไป 1:1 ครึ่งหลังทีมลิเวอร์พูลพักสนามบุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งช่วงเวลาทดเจ็บ ถือเป็นช่วงคล็อปไทม์ นาทีสังหารคู่แข่ง เมื่อ 2 ตัวสำรองที่ลงมาเป็นซุปเปอร์ซับ คือ เทรนท์ อาร์โนลด์ เปิดบอลให้ ฟรีเมียโน่ ยิงประตูเข้าไปทำให้กองเชียร์เฮกันดังสนั่น และเป็นประตูชัย ให้ลิเวอร์พูล เบียดเอาชนะมอนเตร์เรย์ไปสุดหืดจับ 2-1 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จโดยจะไปพบกับทีมแชมป์ทวีปอเมริกา คือ ทีมฟลาเมงโก้ ท่ีมดังจากประเทศบราซิล นัดชิงต้องลุ้นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ รอบชิงชนะเลิศ ทีมลิเวอร์พูล ลูกทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ได้เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ หายป่วยกลับมาคุมแดนหลัง ทำให้กองเชียร์อุ่นใจไปตาม ๆ กัน และได้ SMF 3 ประสานแดนหน้าลงกันครบทั้ง ฟิร์มิโน่, มาเน่ และซาลาห์ ทำให้ทีมหงส์แดงดูจะเป็นต่อท่ีมดังจากประเทศบราซิลมากหลายขุม แต่พอลงสนามเข้าจริงแล้ว ทีมฟลาเมงโก้เล่นสู้ได้เลย มีจังหวะสวนกลับได้ยิงสวย ๆ หลายลูกทำให้ อลิสซง เบ็คเกอร์ นายประตูทีมหงส์แดงได้ออกแรงช่วยป้องกันประตู จนเมื่อช่วงเวลาทดเจ็บของครึ่งหลัง ทีมหงส์แดงมาได้จุดโทษเป็นจังหวะฟิร์มิโน่ไหลให้มาเน่หลุดเดี่ยวแล้วจังหวะจะยิงไปโดน ราฟินญ่า พุ่งเข้าเสียบจากด้านหลัง กรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษ พร้อมแจกใบเหลือง ราฟินญ่า ท่ามกลางการประท้วงของฟลาเมงโก้ กรรมการจึงวิ่งไปดู VAR ก่อนจะมากลับคำตัดสินไม่ให้จุดโทษและยกเลิกใบเหลืองด้วย งงกันเป็นตามกันเลย ตัดสินแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ทำให้จบเกม 90 นาทีเสมอกันไป 0: ในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที ทีมหงส์แดง มาได้ประตูชัยในนาทีที่ 99 เมื่อกัปตันทีมหงส์แดง เฮนเดอร์สันจ่ายบอลไปให้มาเน่ได้บอลลากเข้ากรอบเขตโทษแต่โดนตามมายิงไม่ได้เลยไหลมาให้ เจ้าบ็อบบี้ ฟิร์มิโน่ ที่เติมมาพอดี จึงหลอกทั้งกองหลัง ราฟินญ่าและ ผู้รักษาประตู อัลเวส ก่อนยิงประตูโล่ง ๆ เข้าไปอย่างงดงาม ชนิดที่เรียกว่า กองเชียร์ที่ดูหน้าจออยู่ได้ร้องเฮกันลั่นบ้าน หลังจากนั้นทีมหงส์แดงโชว์การป้องกันอย่างเป็นระบบ ไม่ปล่อยให้ทีมจากแดนแซมบ้ามาเจาะเกมรับอันเหนียวแน่นได้ จบเกม 120 นาทีทีมลิเวอร์พูลเป็นหงส์แดงผงาดประกาศศักดิ์ดา ฟาดแชมป์สโมสรโลกไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ขอแสดงความดีใจด้วยสำหรับทีมหงส์แดงที่เป็นแชมป์สโมสรโลก และกวาดแชมป์ 3 รายการใหญ่ในปีปฏิทินเดียวกัน คือ ได้ทั้งแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก สุดยอดจริง ๆ สำหรับปีนี้ของทีมหงส์แดง ปีทองของหงส์แดง (เครดิตภาพโดย https://stock.adobe.com/) (หมายเหตุ ภาพทุกภาพในบทความมาจากภาพฟรีของ https://stock.adobe.com/)