ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกมาเป็นระยะ โดยอนุญาตให้สถานประกอบการหรือกิจกรรมทางสังคมที่มีความเสี่ยงต่ำสามารถเปิดทำการได้ อย่างไรก็ดี แม้ว่าหลายกิจกรรมทางสังคมเริ่มกลับคืนสู่สภาวะปกติใหม่ แต่ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีข้อเรียกร้องให้เปิดโดยเร็ว คือ เปิดสถานศึกษา เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง สามารถกลับไปประกอบอาชีพเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างการจัดทำแผนเปิดสถานศึกษาในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องขบคิดอย่างรอบด้าน เพราะโรงเรียนเป็นสถานที่ที่ผู้คนจำนวนมากมาดำเนินกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน ซึ่งหากควบคุมกิจกรรมทางสังคม หรือการรักษาสุขอนามัยทำได้ไม่ดีพอ อาจทำให้โรงเรียนกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนกับที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ในฐานะผู้ปกครองของนักเรียนระดับปฐมวัยค่อนข้างมีความกังวลในการเปิดเรียนท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และพยายามทำความเข้าใจในสถานการณ์ จากมุมมองส่วนตัวคิดว่า สิ่งที่นักเรียนต้องระวังหลังเปิดเรียน มี 2 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ • ระวังไม่ให้ลูกเป็นพาหะนำโรคไปสู่เพื่อนที่โรงเรียน ตั้งแต่ปลายปี 2562 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เรามีฝึกให้ลูกสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งสอนให้ลูกรู้จักโรคอุบัติใหม่โควิด-19 ผ่านการเล่านิทาน และคลิปวิดีโอสำหรับเด็ก เพื่อให้ลูกเข้าใจและรู้จักวิธีการป้องกันตัวเท่าที่สามารถทำได้ เช่น การล้างมือ การทำความสะอาดบ้าน การรับประทานอาหารด้วยช้อนของตนเอง ฯลฯ นอกจากนี้ เราให้ลูกและคุณยายอยู่บ้านยาว ๆ มาตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน งดพาลูกเดินทางท่องเที่ยว งดพาลูกไปเรียนศิลปะ ขอร้องให้คุณยายงดไปจ่ายตลาด ทั้งนี้ก็เพื่อให้เด็กและผู้สูงอายุในครอบครัวปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ในส่วนของตัวเราเอง ก็ปฏิบัติตามมาตรการ 5 ข้อหลักของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด คือ ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่างเสมอ รักษาความสะอาดของสถานที่ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หลังเลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน ไม่พาตัวเองไปในพื้นที่เสี่ยง และสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่มผ่านแอปฯ รวมทั้งการใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ Check in - Check out ก่อนและหลังการเข้าใช้บริการสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองและคนในครอบครัวปลอดภัย ดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนเปิดเทอม และเปิดเทอมแล้ว ทุกครอบครัวควรมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการไม่พาตนเองและลูกไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่แออัดหนาแน่น เพื่อไม่ให้ลูกได้รับเชื้อไวรัส แล้วเป็นพาหะนำโรคไปแพร่ต่อให้เพื่อนร่วมชั้นเรียน คุณครู และสมาชิกคนอื่น ๆ ในโรงเรียน นอกจากนี้ ครอบครัวต้องยอมรับความปกติใหม่ของการไปโรงเรียน คือ ถ้าลูกไม่สบายต้องให้หยุดเรียน และพาลูกไปพบคุณหมอ ทั้งนี้ ระบบการศึกษาไทยที่ผ่านมาตั้งแต่เราเป็นนักเรียน คือ คุณครูไม่ชอบให้เด็กหยุดเรียน ถ้าป่วยไม่หนักก็ต้องไปโรงเรียน แต่ต่อไปนี้ ครอบครัวต้องหนักแน่น และยืนยันหลักการนี้ "ถ้าป่วยต้องไม่ไปโรงเรียน" เพื่อไม่นำเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคใด ๆ ไปติดเพื่อนที่โรงเรียน • ระวังไม่ให้ลูกเป็นพาหะนำโรคจากโรงเรียนมาสู่คนในครอบครัว ในช่วงที่ลูกเป็นเด็กเรียนบ้าน ทางครอบครัวได้ดูแลเอาใจใส่ลูกและสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้น การเปิดเทอมในช่วงการแพร่ระบาดของโรค สร้างความกังวลใจให้กับเรามาก เพราะลูกยังเป็นเด็กปฐมวัย ยังดูแลสุขอนามัยของตัวเองได้ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่ รวมทั้งลูกมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายหากได้รับเชื้อไวรัส หรืออาจเป็นพาหะนำเชื้อมาสู่ผู้สูงอายุที่บ้านได้ ดังนั้น ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน เราได้ติดตามข่าวสารจากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษามาตรการด้านความปลอดภัย และลดการแพร่เชื้อโรคภายในโรงเรียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้โรงเรียนแต่ละแห่งต้องประเมิน 6 มาตรการหลัก ผ่านเว็บไซต์ ThaistopCovid ซึ่งมีแบบประเมินสถานศึกษาการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน สำหรับโรงเรียน และสำหรับนักเรียน ทั้งนี้ การที่เราติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง ทำให้มีข้อมูลที่ถูกต้องอยู่ในมือ ซึ่งช่วยให้เราประเมินความพร้อมของโรงเรียนก่อนเปิดเทอมได้ โดยข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถสอบถาม และให้คำแนะนำสถานศึกษาเรื่องสุขอนามัยต่าง ๆ เพื่อให้ลูกของเรา และเด็กทุกคนใช้ชีวิตในโรงเรียนด้วยความปลอดภัย อย่างไรก็ดี เมื่อลูกเดินเข้าโรงเรียนแล้ว ครอบครัวไม่สามารถควบคุมปัจจัยใด ๆ ได้ เพราะเป็นเรื่องการบริหารจัดการของคุณครู แต่ส่วนที่ครอบครัวสามารถทำได้ คือ การเตรียมลูกให้พร้อมก่อนไปโรงเรียน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การสอนลูกให้ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใช้มือหยิบอาหาร ไม่ขยี้ตา ฯลฯ และการทำความสะอาดร่างกายลูกทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน และสอนให้ลูกรู้จักการเว้นระยะห่างระหว่างตนเองและคุณยาย การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2 จะไม่เกิดขึ้นเลย หากทุกครอบครัวใส่ใจในสุขอนามัยของตนเอง และมีความรับผิดชอบต่อสังคม "อยู่ห่างไว้ ใส่แมสกัน หมั่นล้างมือ" เริ่มต้นที่ตัวเราเอง ครอบครัวของเรา เพื่อโรงเรียนที่ปลอดภัย และห่างไกลจากโควิด-19 นะคะ เครดิตภาพประกอบ ภาพปกโดยผู้เขียน ภาพที่ 1 เฟซบุ๊กกรมอนามัย ภาพที่ 2 ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay ภาพที่ 3 เฟซบุ๊กกรมอนามัย ภาพที่ 4 ภาพโดย นิธิ วีระสันติ จาก Pixabay