หากจะพูดถึง Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสดแล้วละก็ ต้องคิดถึงประเทศจีนเป็นประเทศแรกๆแน่นอน และเมื่อผมมีโอกาสไปเที่ยวที่เมืองที่ถือว่าเป็น 1 ใน 8 เมืองโบราณของจีนอย่างเจิ้นโจว ผมก็ไม่พลาดที่จะไปดูว่าที่นั่นจะเป็นสังคมแบบไร้เงินสดเหมือน ๆ กับเมืองใหญ่ ๆ อย่าง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เสินเจิ้นหรือไม่? เมืองโบราณ ที่มี QR Code อยู่ทุกหนทุกแห่ง จากการที่ผมได้ลองสังเกตร้านค้าต่างๆทั้งเล็กและใหญ่ในเมืองเจิ้นโจวนั้น ก็ล้วนแล้วแต่มีป้าย QR Code อยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นป้ายตั้งหรือแขวนอยู่ที่หน้าร้าน ป้ายสติ๊กเกอร์ QR Code ที่แปะอยู่บนกำแพงทั่วร้านค้า หรือแม้กระทั่งเจ้าของร้านก็ยังห้อย QR Code ติดตัวไว้ตลอด เพื่อรับชำระเงินของทั้ง Alipay และ WeChat Pay แต่ร้านต่าง ๆ เหล่านี้ก็ยังรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านเงินสดอยู่ ผมเลยลองถามกับเพื่อนคนจีนเล่น ๆ ว่า ถ้าไม่ใช้เงินสดเลย 1 เดือน เขาสามารถทำได้มั้ย เพื่อนผมหัวเราะพร้อมบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย คุณดูคุณป้าที่ขายไข่ปิ้งข้างถนนนั่นสิ หรือลุงที่มาเก็บค่าจอดรถเราเมื่อตอนกลางวัน เขาก็มี QR Code รับจ่ายเงินหมดนั่นแหละ ทำให้ผมคิดว่าอีกไม่นานประเทศจีนคงจะเป็นสังคมไร้เงินสดในไม่ช้าแน่ ๆ มาดูที่ประเทศไทยกันบ้าง ผมว่าคนไทยก็เริ่มที่จะมีความเข้าใจเกี่ยวกับการชำระเงินผ่าน QR Code บ้างแล้ว จากทั้งที่ภาครัฐออกมาสนับสนุนให้ใช้ "พร้อมเพย์" หรือแม้แต่มาตรการ "ชิมช้อปใช้" ที่ทำให้คนไทยตื่นตัวกับการใช้จ่ายแบบไม่ใช้เงินสด หรือแม้แต่ภาคเอกชนและธนาคารต่าง ๆ ก็พร้อมใจกันสนับสนุนให้เกิดสังคมไร้เงินสดในประเทศไทย โดยออกโปรโมชั่นมามากมายเพื่อจูงใจให้มาชำระเงินผ่าน QR Code ว่าแล้วก็ไม่รอช้าผมเลยลองดูว่าถ้าวันนี้ผมออกจากบ้านโดยไม่ใช้เงินสดเลย 1 วัน จะเป็นอย่างไร และที่ผมประหลาดใจคือผมใช้เงินน้อยกว่าใช้เงินสดด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ถ้าใช้ทรูมันนี่วอลเล็ท จ่ายเงินผ่านป้าย QR Code ของทรู 30 บาทขึ้นไป ครั้งที่ 1-5 ของเดือน จะได้รับเงินคืน 5 บาท และครั้งที่ 10-25 ของเดือน จะได้รับเงินคืน 10 บาท นั่นคือสามารถได้เงินคืนสูงสุดเดือนละ 225 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว ผมเริ่มติดใจเข้าแล้วสิ แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะก้าวไปสู่โลกในยุคสังคมไร้เงินสดแล้วหรือยัง?